นพ.เกรกอรี เกลนน์ ประธานบริษัทโนวาแว็กซ์ บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพและเภสัชกรรมชั้นนำของสหรัฐฯเปิดเผยว่าผลทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 กับคนในระยะที่ 1 โดยการฉีดวัคซีนจำนวน 2 โดสให้กับอาสาสมัคร 131 คน ทีมวิจัยพบว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและช่วยกระตุ้นสารภูมิต้านทานในร่างกายเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับปริมาณสารภูมิต้านทานในร่างกายของกลุ่มที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 สำหรับสารภูมิต้านทานช่วยยับยั้งเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 ไม่ให้ขยายตัวมากขึ้น นับเป็นแนวโน้มเชิงบวกในการวิจัยวัคซีน
ทีมวิจัยพบว่ามีอาสาสมัครเพียง 5 คนที่ฉีดวัคซีนแล้วเกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ,คลื่นไส้,ปวดตามข้อและมีอาการไข้เล็กน้อย แต่อาการต่างๆเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายและจะหายใน 1-2 วัน ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ยื่นผลวิจัยให้กับวารสารการแพทย์แห่งหนึ่งแล้วเพื่อพิมพ์เผยแพร่ให้สาธารณชนทราบต่อไป
ก่อนหน้านี้อีก 2 บริษัทวิจัยวัคซีนของสหรัฐฯคือ บริษัทโมเดอร์นาและบริษัทไฟเซอร์ เผยแพร่ผลทดลองวัคซีนกับคนในระยะ 2 ปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน ทั้งสองบริษัทฯเริ่มทดลองระยะ 3 เมื่อสัปดาห์ก่อน ใช้อาสาสมัครบริษัทละ 30,000 คน ขณะที่นพ.มอนเซฟ สลาอุย ประธานโครงการวิจัยวัคซีนสหรัฐฯ คาดว่า ทีมวิจัยวัคซีนสหรัฐฯจะพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จในเดือนธันวาคมนี้ หรืออย่างช้าคือเดือนมกราคมปีหน้าเพื่อใช้รักษาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการรักษา เช่น ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว คาดว่าสหรัฐฯจะสามารถผลิตวัคซีนในปริมาณมากพอที่จะรักษาผู้ป่วยอเมริกันทุกคนภายในปลายปีหน้า
Cr: CNN, USA Today