นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2563 ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ0.50 ต่อปี หลังจากประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 รวมทั้งเศรษฐกิจโลก เริ่มทยอยฟื้นตัวเช่นกัน แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มติดลบในปีนี้ ก่อนจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 2564 ตามที่ประเมินไว้ ส่วนเสถียรภาพทางการเงินมีความเปราะบางมากขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจ
กนง.คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ปกติเหมือนในช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19
ด้านการส่งออกสินค้า เริ่มฟื้นตัวแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ การส่งออกบริการ นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ด้านอุปสงค์ในประเทศหดตัวทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน การจ้างงานและรายได้ครัวเรือนได้รับผลกระทบรุนแรงจากเศรษฐกิจที่หดตัว และจะใช้เวลาฟื้นตัวนาน
นอกจากนี้ คณะกรรมการ กนง. เห็นว่ามาตรการภาครัฐในระยะข้างหน้า จำเป็นต้องสนับสนุนการจ้างงาน ส่งเสริมการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการด้านการคลังที่ตรงจุดและทันสถานการณ์ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ช่วยเสริมสภาพคล่อง
สำหรับสภาพคล่องโดยรวม ในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง ต้องเร่งดำเนินการกระจายไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทยังผันผวนสูงขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน โดยในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ เงินบาทได้กลับมาแข็งค่าตามกรอบการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคณะกรรมการ กนง. เห็นว่า หากเงินบาทกลับมาแข็งค่าเร็วขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ จึงควรติดตามสถานการณ์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งประเมินความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม