ครม.เห็นชอบ กู้เงิน ADBกว่า 4 หมื่นล้านบาท เสริมสภาพคล่องภาคธุรกิจไทย

          การเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของประเทศไทย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้ในนามของรัฐบาลไทยจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) วงเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 48,000 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 32 บาท/ดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ในโครงการแผนงานตาม พระราชกำหนดเงินกู้  โดยมีกำหนดลงนามในสัญญาเงินกู้ในเดือนส.ค.63

           สาระสำคัญของสัญญาเงินกู้ฉบับนี้ ผู้กู้คือกระทรวงการคลัง ขอกู้เงินจาก ADB วงเงินกู้ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย LIBOR 6 เดือน ด้วยส่วนต่างร้อยละ 0.5 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยของวงเงินกู้คงค้างทุก 6 เดือน คือ 15 ก.พ.และ 15 ส.ค. กำหนดระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย.64

          ส่วนการชำระคืนเงินต้นจะแบ่งเป็น 2 วงเงิน

-วงเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อายุเงินกู้ 10 ปี ระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืน 14 งวดๆ ละ 35.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มชำระงวดแรก 15 ส.ค.66 และงวดสุดท้าย 15 ก.พ.73

-วงเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อายุเงินกู้ 5 ปี ระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืน 4 งวด ๆ ละ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มชำระงวดแรก 15 ส.ค.66 และงวดสุดท้าย 15 ก.พ.68

          ภายหลังจากการกู้เงิน ADB แล้วจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดจะอยู่ที่ 2.46 ซึ่งไม่เกินร้อยละ10 ตามกรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดไว้

          รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หนี้รัฐบาลในส่วนของสกุลเงินต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ กระทรวงการคลังสามารถบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ และจากนี้ไปสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจจะเป็นแหล่งเงินสำคัญให้แก่ภาคธุรกิจเอกชนไทยและแหล่งเงินกู้ไม่ได้คิดดอกเบี้ยสูง

          นอกจากนั้น กระทรวงการคลัง มองว่า ในระยะต่อไปตลาดการเงินในประเทศจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ภาคเอกชนมีความต้องการสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผลกระทบจากโควิด-19 และรัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

 CR:รัฐบาลไทย