อัยการสูงสุด นัดแถลงคดีบอส อยู่วิทยา
วันนี้ 10.00 น.ติดตามการแถลงสรุปผลการทำงานของคณะทำงานชุดอัยการสูงสุด คดีที่สั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ผู้ที่แถลงข่าว ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงาน, นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี คณะทำงาน, นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เลขานุการคณะทำงาน, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา คณะทำงาน และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงาน
นายกฯ สั่งศึกษารื้อคดี ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานว่าหากคณะกรรมการชุดนี้เสนอเรื่องที่อยู่ในกรอบที่ทำได้จะทำ กรณีนักวิชาการเสนอให้ใช้อำนาจนายกฯ รื้อคดีว่ากำลังให้มีการศึกษาอยู่โดยให้กรรมการพิจารณาดูว่าตนสามารถรื้อคดีได้หรือไม่ วันนี้อยู่ในขั้นตอนการทำให้เกิดข้อเท็จจริงว่าอยู่ในขั้นตอนไหน ดูว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งอำนาจมันคนละอำนาจกัน
ส่วนจะนำคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า คณะกรรมการคงพิจารณา ในส่วนตัวติดตามข่าวนี้มาตลอด แต่ไม่ได้ตัดสินใจ มันอยู่ในใจแต่ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม
คณะทำงานตำรวจ ยืนยัน หากพบใครบกพร่องต้องรับผิดชอบ
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายแทน พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เปิดเผยว่า จากการชี้แจงของเจ้าหน้าที่สำนักงานกฎหมายและคดี ที่เรียกมาซักถามตั้งแต่ขั้นตอนการรับความเห็นทางคดีมาจากอัยการ การตรวจสอบข้อเท็จจริง และการประมวลผลตรวจสอบ ก่อนเสนอต่อพล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มีความเห็นทางคดี สั่งไม่แย้งอัยการ พบว่า คณะทำงานดังกล่าวได้ใช้เวลาพิจารณาสำนวน และความเห็นไม่ฟ้องของอัยการนานถึง 4 เดือน โดยมีการพิจารณาซ้ำหลายครั้ง ก่อนจะมีความเห็นทางคดี คือเห็นพ้องกับอัยการ และสั่งไม่แย้ง
ส่วนการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯของตน ยืนยันว่าไม่ใช่เสือกระดาษ มั่นใจสามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ ขอให้อดใจรอ เพราะเป็นการตรวจสอบย้อนหลังไปถึง 8 ปี เพื่อแสวงหาผู้บกพร่องในการทำหน้าที่ และหากพบว่าใครที่บกพร่องต่อหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ
เอกชน เผยโควิด-19 ทำให้ศก.เสียหายแล้วกว่า 2.1 ล้านล้านบาท
น.ส.อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลง Chamber Business Poll ธุรกิจ SMEs หลังวิกฤตโควิด-19 สำรวจระหว่างวันที่ 20-24 ก.ค. จำนวน 800 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่าร้อยละ 61.7 ได้รับผลกระทบมากถึงมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 26.9 ได้รับผลกระทบปานกลาง และร้อยละ 11.2 ได้รับผลกระทบน้อย ส่วนร้อยละ 0.2 ไม่ได้รับผลกระทบ
ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากกว่าร้อยละ 70 ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สุขภาพ ความงาม อัญมณีและหัตกรรม ส่วนภาคบริการได้รับผลกระทบในระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 71.1
ธุรกิจเดียวกันมีการปลดคนงาน เลิกจ้างบ้างหรือไม่ พบว่าร้อยละ 86.5 ระบุว่า ไม่มี แต่ร้อยละ 13.5 บอกว่า มีการปลดคนงาน และเลิกจ้าง และโดยเฉลี่ยระบุว่า ในช่วงต่อไปหากยังไม่มีรายได้เข้ามาหรือเข้ามาน้อยมาก จะสามารถประคองกิจการไปได้อีกเฉลี่ยประมาณ 6 เดือน สูงสุดไม่เกิน 9 เดือน ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ระบุว่า จะประคองกิจการไปได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เสียหายมากที่สุดมากกว่าความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เสียหาย 1.4 ล้านล้านบาท โควิด-19 สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยแล้ว มูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านบาท จากการล็อกดาวน์ครั้งแรกมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท
สำหรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ อนุมัติให้มีการจ้างงานแบบรายชั่วโมงเป็นการชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเลิกจ้างแรงงานในภายหลัง,เพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบต่างๆเพื่อจูงใจให้ภาคธุรกิจจ้างแรงงานที่เคยถูกเลิกจ้าง, พิจารณาขยายมาตรการพักชำระหนี้แบบอัตโนมัติออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนรวมเป็น 12 เดือน ผ่อนคลายเงื่อนไขข้อจำกัดต่าง ๆเพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอี เข้าถึงวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ,กลั่นกรองโครงการที่ขอใช้เงินกู้ เงินงบประมาณปี 2564 ควรให้น้ำหนักกับโครงการที่เน้นเพิ่มการจ้างงานในตำแหน่งงานที่ถาวร เพิ่มกำลังซื้อในระบบเช่น มาตรการชิมช้อปใช้ มาตรการช้อปช่วยชาติ เป็นต้น
รมว.พณ.กำชับอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าพื้นที่น้ำท่วม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้พาณิชย์ทุกจังหวัดคอยติดตามและรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนเพื่อหาทางช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมโดยเร็วที่สุด นอกจากนั้นยังสั่งการให้พาณิชย์จังหวัด สำรวจเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่ภัยพิบัติเหล่านี้ให้มีเพียงพอ นอกจากนั้นยังให้ตรวจตราป้องปรามไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ประชาชนเดือดร้อน โดยให้กำกับดูแลอย่างทั่วถึง
กำลังพลจากญี่ปุ่น เดินทางมาเสริมอีก 7 นาย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือ ศบค. เปิดเผยว่า ทหารสหรัฐฯ เข้ามาร่วมฝึกในประเทศไทย 71 นาย จากเกาะกวมประเทศสหรัฐฯ และเข้าพักที่โรงแรมในกรุงเทพฯ สถานที่กักตัว และยังมีกำลังพลเดินทางมาจากเมืองโยโกเตะประเทศญี่ปุ่น 32 นาย เข้าพักที่โรงแรมในกรุงเทพฯ เช่นกัน ส่วนในวันที่ 4 ส.ค. กำลังพลจากญี่ปุ่นจะเดินทางมาเพิ่มอีก 7 นาย
ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า ลงนามในประกาศ กพท.เรื่องเงื่อนไขการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย (ฉบับที่ 3) เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตทำการบินของอากาศยานที่เดินทางมาจากต่างประเทศและให้ผู้เกี่ยวข้องมีแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 13) และคำสั่ง ศบค.เมื่อวันที่ 31 ก.ค.คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.เป็นต้นไป