ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563
ตั้งความหวังทีมเศรษฐกิจใหม่ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ จีดีพีปี'63 ติดลบ 9.4 ห่วงคนตกงาน 7 ล้านคน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ศูนย์ฯปรับประมาณการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2563 คาดว่าจะติดลบร้อยละ 9.4 รวมถึงส่งออก ติดลบร้อยละ10.2 ปรับลดจากเดิมติดลบร้อยละ8.8 คาดว่าจะสร้างมูลค่าเสียหายประมาณ 2,000,000ล้านบาท จากปัจจัยหลักคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะมาตรการล็อกดาวน์ และการเลิกจ้างงานในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งค่าเงินผันผวน ความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และเศรษฐกิจโลกภาพรวมอยู่ในสภาวะซบเซา
นอกจากนี้ จีดีพีไตรมาส 2/2563 คาดว่าจะติดลบร้อยละ15 ซึ่งเป็นภาวะเสี่ยง หนักกว่าไตรมาส 2/2541 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ที่ติดลบอยู่ที่ร้อยละ12 นับเป็นตัวเลขที่ติดลบหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะเร่งรัดกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดยเฉพาะโครงการเดิม คือ โครงการเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 400,000ล้านบาท ควรให้น้ำหนักกับโครงการที่มุ่งเน้นการจ้างงาน และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (โซฟต์โลน) วงเงิน 500,000ล้านบาท โดยรัฐบาลต้องผ่อนคลายเงื่อนไขข้อจำกัดเพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงวงเงินสินเชื่อซอฟต์โลนได้มากขึ้น เพื่อประคองธุรกิจให้เกิดการจ้างงาน และขอให้รัฐบาลพักชำระหนี้6เดือนเพื่อประคองค่าครองชีพไปจนถึงต้นปีหน้าที่คาดว่าจะมีวัคซีนป้องกันการระบาดโควิด-19
นายธนวรรธน์ เห็นใจทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ แต่เราต้องฝากความหวัง หากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่มีการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศ และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเข้าถึงซอฟต์โลนมากขึ้น จะช่วยบรรเทาการว่างงาน จากปัจจุบันที่มีการเข้าถึงเพียง 100,000ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกว่าร้อยละ 70 คือ ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจเสริมความงาม รัฐบาลต้องเร่งอัดฉีดมาตรการเพื่อประคองธุรกิจไม่ให้ปิดกิจการไปมากกว่านี้
ส่วนภาคการท่องเที่ยวนั้น ศูนย์ฯประเมินว่า ในปีนี้จะไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศภายใต้แนวทาง ทราเวลบับเบิ้ลได้ จำนวนนักท่องเที่ยวจะเหลือเพียง 6.8 ล้านคน หรือลดลงประมาณติดลบร้อยละ83 นอกจากนี้ ทางศูนย์พยากรณ์ประเมินว่าในปี 2564 หากมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีโอกาสที่จีดีพีจะกลับมาเป็นบวกในช่วงไตรมาส 2/2564 และคาดว่าทั้งปีจะกลับมาเป็นบวกหรืออยู่ที่ประมาณร้อยละ4-5
ราคาทองคำคงที่ รูปพรรณขายออก29,600บาท
สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 3 สิงหาคม 2563 คงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ราคาทองคำแท่ง รับซื้อ 29,000.00 บาท ขายออก 29,100.00 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อ 28,470.48 บาท ขายออก 29,600.00 บาท
หุ้นไทยปิดลดลง 7.30 จุด นักลงทุนหุ้นนิกเกอิ ช้อนซื้อทำกำไร
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,321.23 จุด ลดลง 7.30 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,716.16 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบ หลังจากที่ไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ขณะที่ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกสองที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสร้างความกังวลและจัดเป็นความเสี่ยงของตลาดฯด้วย
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเพิ่มขึ้น หลังนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปิดตลาดร่วงลงติดต่อกัน 6 วันทำการ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยน และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ค. ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 22,195.38 จุด พุ่งขึ้น 485.38 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในฮ่องกงที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยวันที่ 2 ส.ค. ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 100 คนเป็นวันที่ 12 ติดต่อกัน ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 24,458.13 จุด ลดลง 137.22 จุด
ผอ.ศบค.ทบ. ยันกักทหารสหรัฐฯ 14 วัน พร้อมตรวจหาโควิด-19 จำเป็นฝึกร่วม
กรณีที่มีกำลังพลทหารจากสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้ามาประเทศไทย 71 นาย และเดินทางมาจากญี่ปุ่น 32 นาย โดยเข้ารับการกักตัวในโรงแรม ซึ่งเป็น Alternative State Quarantine (ASQ) ใน กทม. พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ผอ.ศบค.ทบ.) ขอให้ความมั่นใจ ที่เป็นห่วงกันว่าคนเหล่านี้มาแล้วจะแพร่เชื้อหรือไม่นั้น ต้องกักตัว 14 วัน แม้จะตรวจมาจากต่างประเทศแล้วเราก็ไม่เชื่อ ต้องตรวจที่ไทยและต้องเห็นกับตา การเข้ามาจะไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ พร้อมยืนยันว่า ทุกคนที่เข้ามาต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของศบค. ซึ่งกองทัพบกได้พูดคุยกับสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งไม่มีปัญหาและยอมเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน รวมทั้งการตรวจสวอปเทส (Swab Test) 2 ครั้งด้วย หากพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 จะส่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันทีและต้องออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง รวมถึงค่าที่พักที่เป็นสถานที่กักตัวด้วย เช่นเดียวกับคนไทยที่เดินทางกลับมา โดยเมื่อพ้น 14 วันไปแล้ว จึงจะไปพบกับทหารไทยและจะไม่ให้ทหารสหรัฐฯ ออกนอกค่ายและมีผู้ติดตามหากไปค่ายไหนก็ต้องมีการปิดค่ายและจะไม่มีการไปกินเลี้ยงที่ไหน
สำหรับทหารสหรัฐฯ 71 นายนี้ เป็นคณะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญทหารสหรัฐฯ ที่จะมาเป็นโค้ชหรือเทรนเนอร์ ประกอบด้วย ผู้แทนส่งกำลังบำรุง ผู้แทนหน่วยทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดกับคณะครูอาจารย์ของกองทัพบกเพื่อพัฒนาการฝึกทั้งหมด กองทัพบกได้ประโยชน์เต็มที่ ส่วนการฝึกหน้างานจะมีเพียงการฝึกเล็กๆเท่านั้น
ทั้งนี้ จะมีทหารไทยที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับการฝึกสัดส่วน 1 ต่อ 3 ไม่เกิน 50 คน ในส่วนที่มาจากประเทศญี่ปุ่นก็เป็นทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 32 นาย โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาในกิจการในหน่วยรบพิเศษ ส่วนอีก 3 นายเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มากับคณะ รวมเป็น 35 นาย และทั้งหมดจะอยู่ประเทศไทยถึงสิ้นเดือน ส.ค.โดยวันที่ 3-16 ส.ค. จะอยู่ใน State Quarantine และวันที่ 18 ส.ค. จะปล่อยตัวให้ไปทำกิจกรรม
สำหรับกองทัพบกไทยและสหรัฐฯ ยังมีเรื่องที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกันเป็นระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการทางทหารในภูมิภาค ในส่วนของทหารสหรัฐฯ 71 นาย ที่เดินทางเข้ามาเป็นความต่อเนื่องในการฝึกร่วมผสมรหัส “หนุมานการ์เดียน” ที่ดำเนินการมากกว่า 20 ปี โดยวางกลไกไว้ว่าจะไม่เน้นการฝึกเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ จึงนำมาสู่การเดินทางมาครั้งนี้ ที่ผ่านมาทางไทยส่งทหารไปเรียนต่างประเทศหลายเหล่า และสหรัฐฯ ก็สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ที่ประเทศไทยได้ สำหรับทหารสหรัฐเข้าไทย มีดังนี้
-3 ส.ค. 2563
เวลา 07.00 น. ทหารสหรัฐฯ 71 นาย เดินทางจากกวม โดยเที่ยวบิน OAE6555 เช่าเหมาลำมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา มีการผ่านการคัดกรองตามมาตรการของศบค. และทั้งหมดเข้าพักที่โรงแรมคอนราด ซึ่งเป็น Alternative State Quarantine (ASQ) และเป็นการเข้าร่วมการฝึก SFAB SMEE ของกองทัพบก
เวลา 18.00 น. กำลังพล 32 นาย จากโยโกตา ประเทศญี่ปุ่น โดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ RCH-552 มาถึงสนามบินอู่ตะเภา เตรียมเข้าร่วมการฝึก Balance Torch ของกองทัพบกและเข้าพักที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ซึ่งเป็น ASQ เช่นกัน
-4 ส.ค. 2563
เวลา 12.15 น. กำลังพล 7 นาย เดินทางจากญี่ปุ่น มายังสนามบินอู่ตะเภา โดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ TREK-948 ร่วมการฝึก HMA 4 นาย และการฝึก Balance Torch 3 นาย เข้าพักใน ASQ ที่โรงแรมอนันตรา สยาม และโรงแรม The Idel
ศบค.ยืนยันหากพบแรงงานต่างด้าวเวียดนาม อินโดฯ และฟิลิปปินส์ ติดเชื้อ ส่งกลับทันที
การอนุญาตให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ รวมทั้ง เวียดนาม อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ พร้อมครอบครัวเดินทางเข้าไทยได้แล้ว นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าจะต้องตรวจตั้งแต่หน้าด่าน ถ้าผลบวกจะไม่ให้เข้าตั้งแต่แรก ให้กลับบ้านเลย แม้ว่าจะต้องการแรงงานเป็นหมื่นหรือแสนคนก็จะไม่ให้เอาเชื้อเข้ามา แต่กังวลใจเรื่องแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาผิดกฎหมาย ขอให้ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนช่วยกันสอดส่อง ถ้าพบเจอก็ขอให้แจ้งทางการ เนื่องจากในแต่ละจังหวัด มีคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าฯเป็นประธาน สาธารณสุขเป็นเลขาสามารถแจ้งได้ทันที
นอกจากนี้ มีการพิจารณาเรื่องแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศต้องการเดินทางกลับบ้านเพราะไม่มีงานทำซึ่งมีจำนวนมากดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ ไม่ต้องนำเข้าแรงงานเข้ามาแต่ใช้แรงงานเหล่านี้มาขึ้นทะเบียนให้มีงานทำต่อ ซึ่งถือว่าปลอดเชื้อ
เยอรมนี บังคับตรวจโรคผู้โดยสารทุกคน ที่กลับจากกลุ่มประเทศโควิด-19ระบาด
นายเจนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนีเปิดเผยว่า เยอรมนีจะบังคับตรวจโรคโควิด-19 สำหรับผู้โดยสารทุกคนภายใน 72 ชม.หลังกลับมาจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น สหรัฐฯ บราซิล อินเดีย สเปนและฝรั่งเศส โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มีผลตั้งแต่วันนี้ โดยรัฐบาลกลางจะประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น ให้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปประจำยังจุดตรวจของสนามบินและสถานีรถไฟทั่วประเทศ
แม้ว่าเยอรมนีจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 น้อยกว่าหลายประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี สเปนและฝรั่งเศส แต่ในระยะหลังๆมานี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สถาบันโรแบร์ต คอก หน่วยงานควบคุมโรคของเยอรมนี ระบุว่าเจ้าหน้าที่พบผู้ป่วยใหม่ 509 คนในรอบ 24 ชม.ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสมของเยอรมนีเพิ่มเป็น 210,402 คน เสียชีวิต 9,148 ราย
ออสเตรเลีย จ่ายเงินชดเชย คนกักตัวเอง 14 วัน จากโควิด-19
นายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประกาศในวันนี้ว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ถูกสั่งให้กักตัวเองเพื่อดูอาการและไม่สามารถทำงานได้ รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยการลาเนื่องจากโรคระบาด จำนวน 1,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (1,066 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้แก่ผู้ที่ใช้วันลาป่วยจนหมดและไม่ได้รับสิทธิ์เยียวยาอื่นๆ จากรัฐบาลกลาง เช่น บุคคลที่ถือวีซ่าระยะสั้น
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดในวันนี้ รัฐวิกตอเรียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 429 คน และเสียชีวิตเพิ่มอีก 13 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศออสเตรเลียที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 18,318 คน และเสียชีวิต 221 ราย