ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม 2563

30 กรกฎาคม 2563, 15:07น.



ญี่ปุ่น จะอนุญาตให้คนที่เคยพักกลับเข้าปท.ได้ มีไทยด้วย



          กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ประกาศว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้า ชาวต่างชาติส่วนหนึ่งจากจำนวน 90,000 คนที่เคยพักอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นและเดินทางออกนอกประเทศเนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศได้ ประกอบด้วย กัมพูชา,สิงคโปร์,เกาหลี,จีน,ไทย,ฮ่องกง,มาเก๊า,บรูไน,มาเลเซีย,เมียนมาร์,มองโกเลีย,ลาว,ไต้หวัน



          ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.ชาวต่างชาติที่ได้สิทธิพำนักอาศัยรวมถึงนักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจและผู้รับการฝึกงาน จากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีต้องห้ามเดินทางเข้าญี่ปุ่น สามารถขอจดหมายรับรองการเดินทางกลับประเทศได้ที่สถานทูตญี่ปุ่นพร้อมแสดงใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง



          ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป เงื่อนไขเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติในประเภทอื่น ๆ รวมถึงผู้พำนักถาวรหรือระยะยาว คู่สมรสและบุตรของชาวญี่ปุ่นหรือผู้พำนักถาวร



          ขณะที่ ญี่ปุ่น ห้ามพลเมืองจากมากกว่า 140 ประเทศและภูมิภาคเดินทางเข้าประเทศแต่รัฐบาล ระบุว่า จะค่อย ๆ ผ่อนคลาย



อัยการ ประชุมต่อเป็นวันที่ 3 ให้ทันตามกรอบ 7วัน



         คณะทำงานอัยการสูงสุด ประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ตามกรอบให้เสร็จสิ้นประมาณวันที่ 4 ส.ค.นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ขับรถเฟอร์รารีชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต  กล่าวถึงการประชุมคณะทำงานว่า ขอดูรายละเอียดทั้งหมดก่อน เชื่อว่าทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เมื่อการพิจารณาแล้วเสร็จจะต้องเสนออัยการสูงสุดเห็นชอบหรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ต้องเป็นมติคณะทำงานว่าขั้นตอนต่อไปดำเนินการอย่างไร อยู่ที่การพิจารณาร่วมกันของคณะทำงาน



ป.ป.ช.พร้อมตั้งคณะทำงานหาข้อเท็จจริงคดีไม่สั่งฟ้อง “บอส อยู่วิทยา”



          นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึง เรื่องการตั้งคณะกรรมการไต่สวนอัยการที่เกี่ยวข้องในการออกคำสั่งไม่ฟ้องคดีของนายวรยุทธ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยสุจริตหรือไม่ว่า ป.ป.ช.พร้อมดำเนินการหาข้อเท็จจริงตามกระบวนการ มั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่นาน ส่วนการตั้งกรรมการสอบ 3 คณะ ของตำรวจ อัยการ และรัฐบาล ตามกระบวนการก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาอยู่แล้ว เพราะต้องดูข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนที่ ป.ป.ช. เคยสอบเรื่องนี้ไปแล้วและมีมติชี้มูลตำรวจที่เกี่ยวข้องว่ามีความผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง กรณีดังกล่าวเป็นเพียงการทำหน้าที่ของตำรวจในช่วงแรกเท่านั้น ไม่ใช่กรณีร้องขอความเป็นธรรม



แฟ้มภาพ 




เลขาฯ สมาคมธนาคารไทย มั่นใจฝีมือผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่



          นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึง คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อมั่นว่า จะสามารถดำเนินการเยียวยาสถานการณ์เศรษฐกิจได้ เป็นคนที่มีประสบการณ์ในวงการธนาคารไทยและยังเป็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ภารกิจเร่งด่วนเรื่องมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินของไทย ภาคธนาคารมีความเชื่อมั่นและพร้อมสนับสนุนการทำงานของผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่



          ขณะที่การเลือกประธานสมาคมธนาคารไทยคนใหม่แทนนายปรีดี ดาวฉาย ที่ลาออก นัดประชุมวิสามัญของสมาคมธนาคารไทยภายในเดือนส.ค.จะมีการเสนอรายชื่อบุคคลในตำแหน่ง CEO ของแต่ละธนาคาร เพื่อให้คณะกรรมการคัดเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดมาดำรงตำแหน่งประธานสมาคมธนาคารไทยคนต่อไป



หอการค้า คาดส่งออกร่วงหนักสุดในรอบ 10 ปี คาด -9.6%




          นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมมูลค่าการส่งออกไทยในปีนี้ จะอยู่ในระดับ 222,744 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีโอกาสที่จะหดตัวถึงติดลบร้อยละ 9.6 หนักที่สุดในรอบ 10 ปี โดยสมมุติฐานของคาดการณ์ดังกล่าวอยู่ภายใต้เศรษฐกิจโลกปีนี้หดตัวติดลบร้อยละ 5 เศรษฐกิจไทยหดตัวติดลบร้อยละ 7.7 โควิด-19 ทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยหายไป 700,000 ถึง 1 ล้านล้านบาทเป็นไปได้

          ขณะที่ คาดว่าการส่งออกไทยในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ระดับติดลบร้อยละ 12 ถึงติดลบร้อยละ 19.8 หดตัวมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย



          ปัจจัยเสี่ยงของการส่งออกไทยในครึ่งหลังของปีนี้ยังคงมีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ, เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอยู่ในภาวะหดตัว, ประเด็นสงครามการค้า เทคโนโลยี ค่าเงิน และสิทธิมนุษยชน, ความต้องการนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้าลดลง, ราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำ, มาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ เป็นต้น



         อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยบวกที่ช่วยเอื้อต่อการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ได้แก่ การผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ และเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับปี 2562 แต่ยังมีปัจจัยต้องติดตาม คือ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของจีน-อินเดีย และสหรัฐ-จีน-ฮ่องกง รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพ.ย. 2563




 

ข่าวทั้งหมด

X