ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563

29 กรกฎาคม 2563, 19:41น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563



‘วิชา มหาคุณ’ ยอมรับกดดัน เป็นประธานสอบข้อเท็จจริงคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ห่วงกระทบความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ



          นายวิชา มหาคุณ ประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน  คดีนายวรยุทธ หรือ บอส  อยู่วิทยา  เปิดเผยว่า กำลังเตรียมการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนระยะเวลาตรวจสอบ 30 วัน น่าจะดำเนินการได้เร็วกว่านั้น คาดว่าจะใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์  นายวิชายังย้ำว่าตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี มีอำนาจและสามารถที่จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวมาให้ข้อมูล 



 นายวิชา ยอมรับว่า รู้สึกกดดันกับการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นห่วงสถานการณ์เรื่องความรุนแรงโดยเฉพาะด้านต่างประเทศ  ต้องยอมรับว่าข่าวออกมาจากต่างประเทศก่อน และจะมีผลกระทบในเรื่องการลงทุน โดยอ้างกระบวนการยุติธรรมเราใช้ไม่ได้ การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามระบบอุปถัมภ์หรืออะไรก็แล้วแต่  ทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นเราต้องเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนและประชาชนให้กลับมาโดยเร็วที่สุด



  ส่วนแนวทางการตรวจสอบนั้น นายวิชา เปิดเผยว่า จะต้องหาความจริง ไม่ใช่หาข้อเท็จจริง  สองอย่างต่างกัน  ซึ่งจะต้องไต่สวนและตรวจสอบเพื่อให้ได้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังว่ามีอะไร และมีข้อบกพร่องอย่างไร สุดท้ายถ้าพบว่ามีข้อบกพร่องทั้งด้านข้อกฎหมายที่มีอยู่หรือระเบียบข้อบังคับ ต้องนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี



จดหมายเปิดผนึก พี่น้อง'อยู่วิทยา'เขียนกระตุ้น 'วรยุทธ' ออกมาเคลียร์ตัวเอง



          จากกรณีของนายวรยุทธหรือบอส อยู่วิทยา ได้กดดันให้พี่น้องครอบครัวอยู่วิทยาต้องออกมาขอโทษสังคมและเรียกร้องให้นายวรยุทธ และครอบครัวออกมาเคลียร์ตัวเองเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม หลังจากกระแสทางลบที่ออกมาส่งผลกับสมาชิกทุกคนในครอบครัวจนเกินกว่าจะแบกรับเหมือนทุกครั้งได้ ทำให้เราจำเป็นต้องออกจดหมายฉบับนี้ พี่น้องทุกคนล้วนเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้และยืนยันว่า พวกเราทุกคนให้ความเคารพในกฎหมาย และยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่ต้องสามารถสร้างความยุติธรรมให้กับทุกคนด้วยความเท่าเทียมกัน





 





        พี่น้องทุกคนขอเรียกร้องให้นายวรยุทธออกมาแสดงความกระจ่างและความบริสุทธิ์ใจ ให้ครอบครัวอยู่วิทยาที่เหลือ รวมทั้งสังคมและสื่อมวลชนให้เร็วที่สุด พร้อมย้ำถึงจุดยืนที่พวกเรายึดถือและปฏิบัติมาตลอด คือการเดินตามปณิธาน และคำสอนของคุณเฉลียว อยู่วิทยา ผู้เป็นพ่อและเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตที่สอนให้พวกเรายึดมั่นในการกตัญญูต่อแผ่นดิน โดยพี่น้องครอบครัวอยู่วิทยาทุกคนจะยังคงมุ่งมั่นสร้างสิ่งดีๆให้กับประชาชน ชุมชน และสังคมไทย ตามวิถีและปณิธานที่คุณเฉลียวได้วางไว้ต่อไป



กมธ.ประชุมต่อ 5 ส.ค.นี้ คดีอัยการไม่ฟ้องบอส



          การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลังจากอัยการและตำรวจสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและข้อหาอื่นๆ



          การประชุมครั้งนี้มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้เชิญ พล.ต.อ.ชนสิษฐ์ รัตนวรางกูร จเรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และอดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจทองหล่อ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ นายปรเมศร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากสำนักงานอัยการสูงสุด ให้เข้ามาตรวจสอบสำนวนคดีนายวรยุทธ



          ในตอนหนึ่ง พล.ต.ต.ชุมพล ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กล่าวว่า คดีนี้อยู่ในความสนใจประชาชน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อ 3 ก.ย. 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุรถชน เป็นเหตุให้นายตำรวจเสียชีวิต พอไปถึงรถคู่กรณีไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ได้พบร่องรอยไปตามถนน จึงได้มีการตามรอยไปถึงบ้านผู้ต้องสงสัย ที่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร ขอทำการขอตรวจค้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในขณะนั้น ได้ทำการไปขอตรวจค้นด้วยตนเอง ต่อมา นายสุเวช หอมอุบล พ่อบ้าน ได้ออกมาพบตำรวจ พร้อมกล่าวอ้างว่า เป็นผู้ขับรถไปชนตำรวจจริง ได้นำตัวไปให้พนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนรายงานกลับมาว่า นายสุเวช ให้การวกวน ไม่ชัดเจน ไม่น่าจะใช่คนขับ



          ในเวลาต่อมา พนักงานสอบสวนได้ขอหมายค้นบ้านผู้ต้องหา ได้พบรถเฟอร์รารี่ ทะเบียน 1111 มีสภาพร่องรอยลักษณะไปเฉี่ยวชน รวมทั้งคนในบ้านรับสารภาพ นายบอส เป็นคนขับรถชนจริง ได้นำตัวนายบอสไปยังโรงพัก พอไปถึงโรงพัก ได้ให้ผู้ต้องหาเปิดเสื้อให้ดู เพราะรถขณะชน ทำให้ air bag แตก เราจึงสันนิษฐานว่า นายบอสเป็นคนขับรถจริง



          ส่วนนายสุเวช ที่เป็นพ่อบ้านนั้น ตำรวจก็ได้สอบถามเหตุใดถึงยอมรับแทนนายบอส ทำให้ทราบว่า นายสุเวช มีหน้าที่ติดตามนายบอส เวลาออกไปไหนมาไหน เพราะพ่อผู้ต้องหาเห็นว่านายบอส อยู่ต่างประเทศมานาน กลัวมีปัญหายามนายบอสออกไปไหนมาไหน รวมทั้งนายสุเวช ยอมรับว่าเป็นหนี้บุญคุณพ่อของนายบอส ทำให้ออกมารับผิดแทน โดยไม่ได้ปรึกษาใคร



          ส่วนประเด็นข้อมูลสารแปลกปลอม ที่เป็นสารเสพติดโคเคน ถึงไม่อยู่ในสำนวนของตำรวจพล.ต.ต.ชุมพล ชี้แจงกลับมาประเด็นที่ได้สอบถามในเรื่องสารแปลกปลอมในร่างกายผู้ต้องหานั้น ได้อยู่ในรายงานการตรวจสารแปลกปลอม ได้รายงานผลตรวจอยู่ในสำนวนการสอบสวนครบถ้วน แต่ที่ไม่มีการสั่งฟ้อง เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน



          ด้านนายปรเมศร์ กล่าวว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูเรื่องนี้ เพิ่งได้อ่านสำนวน ในสัปดาห์หน้าเมื่อรวบรวมคำถามจากกรรมาธิการแล้วจะนำกลับมาชี้แจงทุกประเด็น ขอยืนยันว่า ตั้งแต่เป็นอัยการทำงานมานาน ผู้บังคับบัญชาไม่เคยสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องใคร และไม่เคยรับคำสั่งนักการเมือง เราทำงานอย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำ



          ที่ประชุมกมธ.จะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 5 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 9.30 น. โดยจะเรียก พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตประธานกมธ.กฎหมาย สนช. นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความนายวรยุทธ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด นายฤชา ไกรฤกษ์ รองอธิบดีอัยการ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตนายตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดีนี้  นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ที่ยืนยันว่ารถนายวรยุทธใช้ความเร็ว 80กม./ชม. ตลอดจนคณะกรรมการ 3 คณะที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี อัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาชี้แจงด้วย 



ตร.ประชุมนัดแรกข้อเท็จจริงไม่ฟ้องบอส



          พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผบช.กมค. แถลงภายหลังการประชุมหาข้อเท็จจริงกรณีการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส พล.ต.อ.ศตวรรษ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกของการประชุมสืบหาข้อเท็จจริงขั้นตอนการดำเนินคดีอาญากับนายวรยุทธ สำหรับวันนี้ได้กำหนดกรอบการประชุมขึ้นมา 3 กรอบ โดยกรอบแรกเป็นเรื่องการสอบสวนและความเห็นชั้นพนักงานสอบสวน กรอบที่สอง การสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งของพนักงานอัยการ และกรอบที่สาม การดำเนินการพิจารณาความเห็นตาม ป.วิอาญามาตรา 145/1 หลังจากพนักงานอัยการมีความเห็นแล้วต้องส่งไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าจะเห็นแย้งหรือไม่เห็นแย้งเพื่อที่จะนำข้อมูลทั้งหมดมาเข้าที่ประชุมในวันพรุ่งนี้ เพื่อร่วมกันพิจารณาในรายละเอียด ซึ่งหลังจากนี้ทางคณะกรรมการจะมีการเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มาสอบถามต่อไป



          ผบ.ตร. ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการทำงานไว้ 15 วัน พร้อมกำชับการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ต้องได้ข้อเท็จจริงและโปร่งใส สามารถอธิบายได้



          ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ไม่ลงนามเห็นแย้งสำนวนคดีดังกล่าว ซึ่งตามปกติ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ละคนเป็นผู้พิจารณาคดีแบ่งกันไปตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการแต่ละส่วน



          พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวเสริมว่า เมื่อมีการแบ่งมอบหน้าที่ตั้งแต่ต้น การลงนามเห็นแย้งหรือไม่เห็นแย้ง ผบ.ตร. จะไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากแต่ละวัน มีคดีที่ถามความเห็นมาประมาณ 700 คดี ทุกอย่างจะดำเนินไปตามกลไก ตามปกติ ผบ.ตร. จะไม่มีการสั่งเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น



          ส่วนหลังจากนี้ ตำรวจจะสามารถทำความเห็นแย้งไปยังพนักงานอัยการได้อีกหรือไม่ พล.ต.อ.ศตวรรษ กล่าวว่า ตอนนี้คดีสิ้นสุดแล้ว แต่หากมีหลักฐานใหม่ หรือมีผู้เสียหาย ญาติจะไปดำเนินการฟ้องร้องเอง ก็คงไม่ตัดสิทธิ์ 



หุ้นไทยรอปัจจัยบวก ปิดติดลบเล็กน้อย



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,338.35 จุด ลดลง 2.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,111.40 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามา รวมถึงรอดูความชัดเจนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีน และสหรัฐฯ, ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ ซึ่งมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงรอดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้



          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลงในวันนี้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน และการที่เงินเยนแข็งค่าขึ้น ปิดที่ 22,397.11 จุด ลดลง 260.27 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในประเด็น ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมถึงผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 24,883.14 จุด เพิ่มขึ้น 110.38 จุด



ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่นวันเดียว 1,000คน



          กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขญี่ปุ่นพบผู้ป่วยใหม่ทั่วประเทศรวม 1,015 คน นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขผู้ป่วยมีมากกว่า 1,000 คน นับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มระบาดในญี่ปุ่นในเดือนมกราคม โดยการแพร่ระบาดมากขึ้นในเมืองใหญ่อื่นๆนอกจากกรุงโตเกียว เช่น จังหวัดไอจิและจังหวัดโอซากา

         โดยเฉพาะจังหวัดโอซากา ทางภาคตะวันตกของประเทศ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นพบผู้ป่วยใหม่ 221 คน นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขผู้ป่วยใหม่รายวันสูงเกิน 200 คน เทียบกับ 155 คนเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของจังหวัดโอซากา ขอให้ประชาชนเลี่ยงการนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันเกิน 5 คน เลี่ยงการไปเที่ยวบาร์และสถานบันเทิงต่างๆเพื่อลดการแพร่ระบาด ส่วนจังหวัดไอจิ พบผู้ป่วยใหม่ 167 คนในวันนี้ เทียบกับ 110 คนเมื่อวาน



          สำหรับกรุงโตเกียว ยังคงเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบผู้ป่วยใหม่ 250 คนในวันนี้ เทียบกับ 266 คนเมื่อวาน โดยตลอด 7 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกรุงโตเกียวพบผู้ป่วยใหม่มากกว่า 200 คน ยกเว้นวันจันทร์ มีผู้ป่วยใหม่ 131 คน ส่วนจังหวัดโอกินาวา ทางภาคใต้ของประเทศ พบผู้ป่วยใหม่ 45 คน



         ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยสะสม 33,080 คน เสียชีวิต 1,001 ราย



สหรัฐฯ ยอมรับแล้ว ปิดเมืองช้าทำให้เชื้อโควิด-19 จากจีน และยุโรปเข้าประเทศ



          การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนเมื่อปลายปีก่อน ทำให้สหรัฐฯห้ามเครื่องบินโดยสารจากสหรัฐฯบินเข้าประเทศจีนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด แต่ต่อมาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)ของสหรัฐฯพบว่า มีความเสี่ยงจากฝั่งยุโรป เช่นกัน



          นพ.โรเบิร์ต เรดฟีลด์ ผอ.ศูนย์ CDC เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ เอบีซี นิวส์ ว่า จากการวิเคราะห์ของ CDC พบว่ารัฐบาลสหรัฐฯล่าช้าในการปิดเมือง โดยเฉพาะการห้ามเครื่องบินโดยสารจากยุโรปบินเข้าสหรัฐฯนับเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯยอมรับว่าเกิดข้อบกพร่องในเรื่องการควบคุมโรค นพ.เรดฟีลด์ ระบุว่า ในช่วงที่สหรัฐฯรับรู้ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และต่อมาได้ประกาศห้ามเครื่องบินโดยสารจากยุโรปบินเข้าสหรัฐฯเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปรากฏว่าในระยะนั้น มีผู้โดยสารจากยุโรปเดินทางเข้าสหรัฐฯก่อนหน้านั้น 2-3 สัปดาห์ เฉลี่ย 60,000 คนต่อวัน



          นอกจากนี้ การตรวจโรคของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯดำเนินการค่อนข้างน้อยในระยะแรกๆ ทำให้กลุ่มเสี่ยงไปแพร่เชื้อไวรัสสู่คนอื่นๆในชุมชนอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน สหรัฐฯมีผู้ป่วยสะสม 4,352,084 คน เสียชีวิต 149,258 ราย รัฐที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ รัฐแคลิฟอร์เนีย รองลงมาคือ รัฐฟลอริดาและรัฐนิวยอร์ก

ข่าวทั้งหมด

X