การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนเมื่อปลายปีก่อน ทำให้สหรัฐฯห้ามเครื่องบินโดยสารจากสหรัฐฯบินเข้าประเทศจีนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด แต่ต่อมาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)ของสหรัฐฯพบว่า มีความเสี่ยงจากฝั่งยุโรป เช่นกัน
นพ.โรเบิร์ต เรดฟีลด์ ผอ.ศูนย์ CDC เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ เอบีซี นิวส์ ว่า จากการวิเคราะห์ของ CDC พบว่ารัฐบาลสหรัฐฯล่าช้าในการปิดเมือง โดยเฉพาะการห้ามเครื่องบินโดยสารจากยุโรปบินเข้าสหรัฐฯ นับเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯยอมรับว่าเกิดข้อบกพร่องในเรื่องการควบคุมโรค นพ.เรดฟีลด์ ระบุว่า ในช่วงที่สหรัฐฯรับรู้ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และต่อมาได้ประกาศห้ามเครื่องบินโดยสารจากยุโรปบินเข้าสหรัฐฯเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปรากฏว่า ในระยะนั้น มีผู้โดยสารจากยุโรปเดินทางเข้าสหรัฐฯก่อนหน้านั้น 2-3 สัปดาห์ เฉลี่ย 60,000 คนต่อวัน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯพบว่า โรคโควิด-19 แพร่ระบาดหนักในรัฐนิวยอร์ก จากนั้นการแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ การตรวจโรคของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯดำเนินการค่อนข้างน้อยในระยะแรกๆ ทำให้กลุ่มเสี่ยงไปแพร่เชื้อไวรัสสู่คนอื่นๆในชุมชนอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน สหรัฐฯมีผู้ป่วยสะสม 4,352,084 คน เสียชีวิต 149,258 ราย รัฐที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ รัฐแคลิฟอร์เนีย รองลงมาคือ รัฐฟลอริดาและรัฐนิวยอร์ก
Cr: CNN, MSN