ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2563

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2563

ไทยครองแชมป์โลก ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดโควิด-19

          ไทยยังครองแชมป์โลก แถมคะแนนการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้นจากเดิม 81.15 (24 ก.ค. 2563) เป็น 81.55 (25 ก.ค. 2563) และเป็น 82.06ในวันนี้(28 ก.ค.2563) จากการจัดอันดับโดย The Global COVID-19 Index (GCI) ประเทศ  5 อันดับแรกของโลกที่สามารถฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้ดีที่สุดประจำวัน 28 ก.ค. 2563 ดังนี้

1.ไทย

2.เกาหลีใต้

3.ลัตเวีย

4.มาเลเซีย

5.ไต้หวัน

          ส่วนประเทศที่เคยครองอันดับ 1 ในการรับมือโควิด-19 อย่างออสเตรเลีย อยู่ในอันดับ 8 และนิวซีแลนด์อยู่ในอันดับ  6

          ก่อนหน้านี้ องค์กร Global COVID-19 หรือ (GCI) ได้จัดคะแนนดัชนีและอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจาก COVID-19 เป็นอันดับ 2 ของโลก จาก 184 ประเทศทั่วโลก เมื่อวันที่14 มิ.ย.2563  โดยมีวิธีคิดคำนวณร้อยละ 70  มาจากการใช้ Big Data รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลรายวันจากฐานข้อมูล 184 ประเทศทั่วโลก  ส่วนอีกร้อยละ 30  อ้างอิงข้อมูลเชิงสถิติอีกส่วนหนึ่งจากดัชนี The Global Health Security Index (GHS) ซึ่งริเริ่มโดยมหาวิทยาลัย Johns Hopkins University จากข้อมูล 195 ประเทศทั่วโลก

สถานกงสุลใหญ่ นครลอสแอนเจลิส ชี้แจงพระสงฆ์ในวัดไทยลาสเวกัส ติดโควิด-19

          หลังมีข่าวในสื่อสังคมออนไลน์กรณีพระสงฆ์และคนไทยในนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐ อเมริกา ติดเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นจำนวนมาก และมีคนไทยเสียชีวิต ล่าสุดวันนี้ (28 ก.ค. 2563) สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ชี้แจงว่า

          กรณีพระสงฆ์ที่อาพาธ เป็นพระสงฆ์วัดไทยในลาสเวกัส 3 รูป จากพระสงฆ์ที่จำพรรษาทั้งสิ้น 5 รูป โดยเข้ารับการตรวจเชื้อ COVID -19 เมื่อวันที่ 13 ก.ค.พบพระสงฆ์ 3 รูป ติดเชื้อ โดย 2 รูป รักษาตัวในโรงพยาบาล อีก 1 รูป อาการไม่รุนแรง จึงกักตัวที่วัดในบริเวณที่กำหนด

          ส่วนพระมหานรินทร์ นรินฺโท เจ้าอาวาส และพระลูกวัดอีก 1 รูป ไม่พบอาการติดเชื้อแต่ได้แยกกักตัวในพื้นที่เฉพาะเช่นกัน ทั้งนี้นับตั้งแต่การแพร่ระบาด COVID-19 ทางวัดไม่ได้รับกิจนิมนต์ จึงไม่ทราบสาเหตุการติดเชื้อ แต่สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดส่งชุดอุปกรณ์ป้องกันให้กับพระสงฆ์วัดไทยลาสเวกัส และติดตามอาการอาพาธอย่างใกล้ชิด

          ส่วนกรณีพระสงฆ์มรณภาพ คือ พระครูวิจิตรบุญสาร อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธภาวนา นครลาสเวกัส ซึ่งเป็นวัดที่ถูกลอบวางเพลิง เมื่อปลายปี 2562 ท่านมรณภาพ ด้วยโรคชราและภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ COVID-19 เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

          สำหรับกรณีคนไทยติดเชื้อ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ทราบข่าวจากชุมชนไทยในพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ค.ว่า มีการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 ในกลุ่มพนักงานร้านอาหารไทย และคนไทยในชุมชน ถึงขั้นป่วยรุนแรงและเสียชีวิต แต่เมื่อตรวจสอบ ไม่ปรากฏข้อมูลข่าวสารที่ยืนยันการติดเชื้อและการเสียชีวิตของคนไทย ซึ่งเป็นสิทธิผู้ป่วยที่จะไม่เปิดเผย  ยกเว้นคนไทยที่เปิดเผยว่าติดเชื้อ 4 คน ขณะนี้มีอาการดีขึ้นแล้ว และกักตัวอยู่ในที่พัก แต่สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ประสานและจัดส่งชุดอุปกรณ์ป้องกันตนให้กับคนไทยที่ติดเชื้อทั้ง 4 คนแล้ว

นายกฯสั่งผู้ว่าฯสอบคอนเสิร์ตเจนนี่ ไร้มาตรการคุมโควิด-19

          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในระหว่างตรวจเยี่ยมการออกบูธของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงตรวจเยี่ยมการให้บริการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ด้วยรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ของกระทรวงสาธารณสุขว่าวันนี้ ต้องขอให้ประชาชนระมัดระวัง เพราะหากเกิดการติดเชื้อขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่ดี จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังตัวเองเพราะเห็นหลายๆครั้งที่มีการผ่อนคลายมาตรการแล้ว ประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัย โดยยกตัวอย่างเช่นเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ในการจัดแสดงดนตรี ไม่มีการเว้นระยะห่าง จึงได้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว ขอย้ำกับประชาชนว่าอย่าลืมตัว อย่าประมาท

          ก่อนหน้านี้ มีการแชร์ภาพคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดัง"เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น" ที่วัดเขาล้อมอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี ลักษณะเบียดเสียดแน่นโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เกรงว่าจะมีการแพร่เชื้อโควิดได้

ปลัดมท. กำชับจังหวัดเข้มงวด คอนเสิร์ตฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโควิด-19

          ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เผยแพร่เอกสารที่ลงนามโดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อวางมาตรการรองรับการจัดกิจกรรมงานคอนเสิร์ต หลังพบว่า ระหว่างวันที่ 24-25 ก.ค. 2563 มีการจัดงานคอนเสิร์ต ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนด

          โดยขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจและกำชับผู้จัดกิจกรรมปฏิบัติตามข้อกำหนดและคำสั่งศบค.รวมทั้งมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา การเว้นระยะนั่งหรือยืนในพื้นที่โดยรอบห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร การควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด รวมทั้งมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข หากพบว่าการดำเนินกิจกรรมใดไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและคำสั่งศบค. ให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง รองนายกฯย้ำ รัฐไม่ห้ามชุมนุมทั้งม็อบ"หนุน-ไล่" ยึดตามกม.

          การนัดชุมนุมของอาชีวะช่วยชาติที่จะจัดขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเชียร์รัฐบาล เวลา14.00น. และกลุ่มเยาวชนปลดแอกนัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชเพื่อขับไล่รัฐบาล เวลา16.00น.ในวันที่ 30 ก.ค.นี้ นายปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคง (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี)เปิดเผยว่า การชุมนุมจะต้องเป็นไปตามกฎหมายซึ่งถือเป็นหลักขั้นพื้นฐานที่สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายและกติกาซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร  ในช่วงนี้จะมีการใช้พื้นที่ทางการเมืองมากขึ้น แต่เราก็มีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะพ.ศ.2558 พ.ร.บ.โรคติดต่อ และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งคนที่จะจัดกิจกรรมก็จะต้องทำข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่และต้องไม่ทำผิดกฎหมาย

          ส่วนของรัฐบาล จะต้องมีการจับตาการชุมนุมเป็นพิเศษหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลก็จะดูแลภาพรวมให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย การใช้สิทธิตามกฎหมายคนที่เห็นต่างมาชุมนุมอาจจะต้องมีการอดทนอดกลั้นและรับฟังความเห็นต่างซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ โดยเจ้าหน้าที่จะช่วยดูแลไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง เชื่อว่า ไม่น่าจะมีอะไร รัฐบาลเปิดกว้าง ให้สามารถทำกิจกรรมได้และเชื่อว่าจะมีการจัดกิจกรรมทางการเมืองอย่างคึกคักจนกว่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น

จีน พบผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 60 คน รวมทั้งกรุงปักกิ่งด้วย 

          คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า ในรอบ 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นจาก 61 คน เป็น  68 คน ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

-ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ 64 คนเป็นการติดเชื้อในท้องถิ่น

-ผู้ติดเชื้อ 4 คน เป็นผู้โดยสารจากต่างประเทศ ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในท้องถิ่น

- มณฑลซินเจียง พบเพิ่มขึ้นจาก 41 คน มาเป็น 57 คน โดยเฉพาะเมืองอุรุมชี เมืองเอกของมณฑลซินเจียง ทางภาคตะวันตกของประเทศ แพร่ระบาดหนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. หลังจากไม่มีผู้ป่วยใหม่มาเกือบ 5 เดือน

-มณฑลเหลียวหนิง พบผู้ติดเชื้อ 6 คน

-กรุงปักกิ่ง 1 คน

         นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ มีผู้ป่วยหายดีเพิ่มอีก 16 คน ทำให้มีผู้ป่วยหายดีแล้วรวม 78,934 คน แต่ยังมีกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอีก 14,590 คน ในภาพรวมจีนมีผู้ป่วยสะสม 83,959 คน เสียชีวิต 4,634 ราย 

ยอดติดเชื้อโควิด-19ในกรุงโตเกียว พุ่งขึ้นอีกกว่า 200 คน

          รัฐบาลกรุงโตเกียวเผยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 รายใหม่จำนวน 266 คนในวันนี้ ซึ่งสูงกว่าจำนวน 131 คนที่พบในวันจันทร์  ขณะที่ประชาชนได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกรุงโตเกียวมีมากกว่า 5,000 รายในเดือนก.ค. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 50 ของยอดติดเชื้อโดยรวมในกรุงโตเกียว

          ก่อนหน้านี้ กรุงโตเกียวได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินในเดือนพ.ค.

นายกสมาคมค้าทองคำ เผยราคาทองผันผวนหนัก ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

          นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในวันนี้ผันผวนมาก โดยปรับขึ้นลงมาทั้งหมด 16 ครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำในตลาดโลกทำราคาสูงสุด(นิวไฮ) เป็นประวัติการณ์ที่ 1,980 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองแท่งในประเทศทำนิวไฮด้วยเช่นกันที่ 27,100 บาท ดังนั้นเชื่อว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะยังคงผันผวนต่อเนื่อง นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ราคาทองคำอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจลงทุน และการลงทุนควรเน้นลงทุนในระยะสั้น

          สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนส่วนใหญ่กังวล คือ ขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 จึงเทขายการลงทุนจากตลาดหุ้นมาถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าแทน  

         นายจิตติ ยังเชื่อว่า แม้ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จะปรับขึ้นถึงบาทละ 30,000 บาทอย่างแน่นอน เพราะกองทุนจะเทขายเพื่อทำกำไร ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยหากสามารถทำกำไรจากการลงทุนทองคำได้ประมาณร้อยละ 60 ถือว่าเหมาะสมแล้ว

          ในวันนี้ ราคาทองคำปรับขึ้น-ลงถึง 16 ครั้ง ส่งผลราคาทองแท่งรับซื้อบาทละ 28,700 บาท ขายออกบาทละ 28,800 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 28,182.44 บาท ขายออกบาทละ 29,300 บาท 

หุ้นเอเชียปิดสลับบวกลบ ปัจจัยโควิด-19และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวหรือไม่

          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลงในวันนี้ เพราะนักลงทุนเทขายหุ้น ก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการ ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 22,657.38 จุด ลดลง 58.47 จุด

          ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ จากปัจจัยบวกความหวังว่า ภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะฟื้นตัวแม้ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด        

          นอกจากนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกงยังปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐฯ โดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นร่วมกับทำเนียบขาว ซึ่งจะปูทางไปสู่การเจรจาร่วมกับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับแนวทางในการขยายโครงการช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 24,772.76 จุด เพิ่มขึ้น 169.50 จุด

7 คณะทำงานตรวจสอบ สั่งไม่ฟ้องบอส อยู่วิทยา ประชุมต่อพรุ่งนี้

          หลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหา นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฯ ได้เรียกประชุมคณะทำงานฯ จำนวน 7 คน ที่ห้องประชุมชั้น 9 สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ โดยการประชุมคณะทำงานฯ ได้เรียกสำนวนคดีอาญา ส.1 เลขรับที่ 107/2556 จากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 มาพิจารณาว่าการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวเป็นไปตามหลักกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่และมีเหตุผลการสั่งคดีดังกล่าวอย่างไร ซึ่งคณะทำงานฯได้ประชุมพิจารณาจนถึงเวลา 15.00 น. แต่การประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะมีเอกสารที่จะต้องตรวจพิจารณาจำนวนมาก ที่ประชุมจึงมีมติให้เลื่อนการประชุมต่อในวันที่ 29 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

เปิดประวัติ 1 ใน 2 พยานหน้าใหม่คดี 'บอส กระทิงแดง'

             1 ใน 2 พยานที่ทำให้คดี ”บอส กระทิงแดง” สำหรับ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร เปิดข้อมูลพบว่า พล.อ.ท.จักรกฤช ปัจจุบัน อายุ 66 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 13 นักเรียนนายเรืออากาศรุ่น 20 เส้นทางการรับราชการ ไม่ได้เติบโตในสายนักบิน แต่เข้ามาในเส้นทางทหารเหล่า สห. รับราชการในกรมสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) ก่อนจะติดยศนายพล ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม และ เสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต นายทหารผู้กว้างขวางที่ล่วงลับไปแล้ว ทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหมขณะนั้น 

          พล.อ.ท.จักรกฤช เป็นที่รู้จักในแวดวงผู้กว้างขวาง หรือ สาย “เสธ.” และในแวดวง สนามบินดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ ด้วยการเปิดบริษัทพระพิราพ จำกัดให้บริการรถลีมูซีน รถหรู ในพื้นที่ท่าอากาศยานฯ ทั้งสองแห่งมานานพอสมควร ถือเป็นนายทหารธุรกิจ ที่คนใน “ทัพฟ้า” รู้จัก เพราะพื้นเพเป็น “เด็กดอน” ซึ่งก็คือลูกทหารอากาศที่เติบโตในเรือนไม้เก่าย่านดอนเมือง ซึ่งเป็นที่พักให้ทหารชั้นยศต่ำกว่านายพล

          ลูกทหารอากาศที่มีบิดารับราชการอยู่ในหน่วยย่านดอนเมืองก็จะสนิทสนม ใกล้ชิด เป็น “เด็กดอน” เหมือนกัน เพราะทุกเช้ารถยนต์ของกรมการขนส่งทหารอากาศ (ขส.ทอ.) จะรับส่งกำลังพล และ บุตร ธิดาของกำลังพล ที่มารอหน้าเรือนไม้และขึ้นรถไปพร้อมกันเพื่อไปส่งโรงเรียนหลวง ย่านนั้น และไปรับกลับบ้านทุกวัน ทำให้ลูกทหารอากาศในย่านนั้นมีความใกล้ชิด สนิทสนมคุ้นเคยกัน จนมีการนำไปผูกโยงกันระหว่าง พล.อ.ท.จักรกฤช กับครอบครัวฝั่ง “แม่ของ บอส กระทิงแดง”ในช่วงที่คดี “บอส” กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เป็นวันเดียวกับที่ พล.อ.ท.จักรกฤชสูญเสียคุณพ่อซึ่งเป็นทหารอากาศเกษียณเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ในระหว่างนี้จึงอยู่ในช่วงพิธีที่สูญเสียของคนในครอบครัว

รองผบ.ตร.-รองอสส. ตอบรับ ชี้แจง กมธ.กฎหมาย ส.ส.สั่งคดีบอส อยู่วิทยา

          นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ล่าสุดรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองอัยการสูงสุด ยืนยันว่า จะเดินทางมาชี้แจงต่อกมธ.การกฎหมายฯด้วยตนเอง ในวันพรุ่งนี้ (29 ก.ค.63)ยืนยันว่ากมธ.การกฎหมายฯจะทำหน้าที่แทนประชาชน ในการซักถามข้อเท็จจริง และจะทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เปิดเผย เพื่อทำให้ข้อความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนได้กระจ่างขึ้น