ในช่วงสุดสัปดาห์หลายพื้นที่ในสหรัฐฯ ยังมีการชุมนุมประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไปอย่างสงบ แต่ก็มีบางพื้นที่ที่มีการปะทะกันเกิดขึ้น
โดยที่เมืองซีแอตเทิล ในวอชิงตัน ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันอย่างสงบ และป้ายข้อความเรียกร้องความยุติธรรม แต่เมื่อผู้ประท้วงเดินทางมาถึงศูนย์ควบคุมเยาวชนคิงเค้าท์ตี้ การประท้วงกลายเป็นเหตุรุนแรงจนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศเป็นเหตุจลาจล เมื่อผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งวางเพลิงสถานที่ก่อสร้างและทำลายกระจกหน้าต่างของศาล และธุรกิจร้านค้าใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ทั้งระเบิดควันและสเปรย์พริกไทยเพื่อยุติเหตุการณ์ โดยมีผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมดำเนินคดี 45 คนและมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 21 คน
ส่วนการประท้วงในเมืองพอร์ทแลนด์ รัฐออริกอน เป็นการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลางที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งเข้ามาประจำการ แม้จะมีการคัดค้านจากผู้นำท้องถิ่นและรัฐ
ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ในการประท้วงช่วงคืนวันเสาร์ คือนายการ์เร็ต ฟอสเตอร์ ถือปืนไรเฟิลเดินตรงไปยังรถคันหนึ่ง เจ้าของรถจึงยิงตอบโต้ออกมาจากรถ ทำให้เขาบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุเร่งนำส่งโรงพยาบาล แต่เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตำรวจเมืองออสติน ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยไม่ได้หลบหนีจากที่เกิดเหตุและให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี
.....