ความคืบหน้าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีน กรณีที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนส่งสายลับเข้ามาขโมยข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาและใช้สถานกงสุล ณ เมืองฮิวสตันเป็นสถานที่หลบซ่อนให้แก่สายลับ ซึ่งทำให้ทางการจีนตอบโต้ด้วยการสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ณ เมืองเฉิงตู
โดยเมื่อครบกำหนดเวลา 72 ชั่วโมงที่สหรัฐฯ กำหนดให้นักการทูตจีนต้องออกมาจากสถานกงสุล ณ เมืองฮิวสตัน ในวันศุกร์ (24 ก.ค.) เวลา 16.00 น. (04.00 น. ของวันที่ 25 ก.ค.ตามเวลาประเทศไทย) กลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของสหรัฐฯ ได้เปิดประตูของสถานกงสุลเพื่อเข้าไปตรวจค้นภายใน
ขณะที่ สถานกงสุลสหรัฐฯ ณ เมืองเฉิงตูซึ่งจะครบกำหนดเวลา 72 ชั่วโมง ในวันจันทร์ (27 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (09.00 น. วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย) แต่ในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของจีนหลายคนมาเตรียมพร้อมอยู่ที่ด้านหน้าของสถานกงสุลแล้ว ด้านฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ เปิดเผยว่าควบคุมตัวน.ส.ถัง จวน นักวิจัยชาวจีนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในสถานกงสุล ณ เมืองซานฟรานซิสโกไว้ได้แล้ว แต่ไม่มีการเปิดเผยเหตุการณ์ในการเข้าจับกุม โดยเธอเป็นนักวิจัยด้านชีววิทยา และถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าฉ้อโกงการขอวีซ่าทั้งปิดบังว่าไม่เคยเป็นทหารจีน หลังจากที่เจ้าหน้าที่สอบสวนกลางสหรัฐฯหรือเอฟบีไอ พบภาพถ่ายของเธอในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่เสนาธิการฝ่ายพลเรือนของกองทัพจีน และประวัติการทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ทหารที่ 4 (เอฟเอ็มเอ็มยู) จึงเรียกมาสอบสวนเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน แต่เธอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำงานในกองทัพ การที่เธอใส่เครื่องแบบทหารก็เพราะเป็นกฎของมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาของกองทัพ
ส่วนที่ศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน นายเหยา จุน เว่ย หรือ ดิกสัน เหยา ชายชาวสิงคโปร์ยอมรับสารภาพต่อศาล ว่าทำงานเป็นสายลับให้แก่จีนตามที่อัยการสหรัฐฯ ตั้งข้อกล่าวหาว่าเขาใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาทางธุรกิจบังหน้าการทำงานรวบรวมข้อมูลข่าวกรองให้แก่ทางการจีน ซึ่งอาจทำให้ถูกลงโทษขั้นสูงสุดคือจำคุก 10 ปี โดยนายเหยา เป็นนักศึกษาปริญญาเอกมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) เคยเดินทางไปกรุงปักกิ่งเพื่อนำเสนอโครงงานด้านการเมือง และทำให้ได้รับคัดเลือกจากหน่วยปฏิบัติการข่าวกรองจีนไปทำงานรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพและรัฐบาลสหรัฐฯ ระหว่างปี 2558 ถึงปี 2562 โดยข้อมูลลับที่เขารายงานกลับไปยังจีนมีทั้งโครงการพัฒนาเครื่องบินรบและการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานของกระทรวงกลาโหม และรายงานเกี่ยวกับบุคคลในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และสมาชิกคณะรัฐมนตรี
...