ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2563
โฆษกศาลฯ ตรวจสอบแล้ว ตำรวจยังไม่ยื่นคำร้องถอนหมายจับ "บอส อยู่วิทยา " จากศาลอาญากรุงเทพใต้
หลังอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดีนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง กรณีขับรถชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า กรณีการเพิกถอนหมายจับของศาลยุติธรรม คดีนายวรยุทธ จากการตรวจสอบที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยังไม่พบว่ามีการยื่นเรื่องเข้ามา หากมีการยื่นคำร้องและรายละเอียดครบถ้วนถูกต้องสามารถดำเนินการได้ปกติตามขั้นตอน
ด้านนายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ อายุ 62 ปี พี่ชายของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งาน ป.สน.ทองหล่อ ยอมรับว่า เสียใจกับกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับครอบครัวเลย คนรวยคนจนทำไมไม่ทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน คนที่ทำผิดทำไมถึงไม่ได้รับโทษ ตอนแรกทำใจไว้แล้วว่าคดีนี้ข้อหาคงต้องขาดอายุความ เพราะผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่คิดว่าจะมีการทำสำนวนไม่ฟ้องแบบนี้ นอกจากนั้น ยังรู้สึกว่าคดีนี้มีความผิดปกติตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมตำรวจถึงเขียนในสำนวนว่าน้องของตนตกเป็นผู้ต้องหาร่วม เรื่องนี้มันอาจเป็นความผิดที่ฝ่ายสอบสวนทำสำนวนให้อ่อนลง เพื่อยกประโยชน์ให้ผู้ต้องหา เราก็ไม่มีอำนาจอะไรไปคัดค้านเขาได้เลย มองว่า เป็นเพราะอำนาจเงินและการวิ่งเต้นที่ทำให้คดีออกมาเป็นรูปแบบนี้ เมื่ออำนาจเงินและอำนาจบารมีสามารถทำได้ทุกอย่าง ครอบครัวก็ต้องยอมรับชะตากรรม
สำหรับการเยียวยานั้น หลังจากที่ครอบครัวได้เซ็นหนังสือว่าจะไม่มีการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งอีก ทางคู่กรณีก็ได้มาจัดงานศพให้พร้อมมอบเงินให้ตามที่มีการเจรจากัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับอีกฝ่ายเลย ตอนนี้ทางครอบครัวก็จะปล่อยวางแล้ว จะไม่มีการดำเนินการอะไรต่ออีก ทุกอย่างให้สังคมเป็นคนตัดสิน ครอบครัวขออโหสิกรรมให้ เพราะอยากให้น้องชายไปสบาย
อดีตตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดีทายาทกระทิง ยืนยัน มีหลักฐานดำเนินคดีได้แน่นอน
พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตนักวิทยาศาสตร์ (สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า เป็นผู้พิสูจน์หลักฐานคดีนี้ด้วยตัวเอง ทั้งจดบันทึก ถ่ายรูป เก็บร่องรอยหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้ ยืนยันได้ว่า ผู้ต้องหาขับรถชนท้ายจริง แต่นายวรยุทธกลับส่งคนรับใช้มามอบตัวแทน จนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้น ต้องนำกำลังไปล้อมบ้าน 200 นาย จนนายวรยุทธมอบตัว
หลักฐานที่ยืนยันได้คือ รอยช้ำตามแนวคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งผมเป็นผู้ดูกล้องวงจรปิด และคำนวณความเร็วด้วยตัวเอง และพบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด มั่นใจว่าหลักฐานในขณะนั้นสามารถเอาผิดได้แน่นอน โดยกองพิสูจน์หลักฐานขณะนั้นออกรายงานได้ ภายใน 1 เดือน แต่พอเข้าสู่ชั้นพนักงานสอบสวนกลับใช้เวลาหลายปี จึงรู้สึกไม่พอใจมาก เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ และควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อขจัดปัญหาให้หมดไป
ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีการปฏิรูปตำรวจ ทั้งกระบวนการสอบสวนคดี และการทำงานของตำรวจที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้มีคุณทรัพย์สูง ผู้ก่อเหตุมีฐานะไม่ธรรมดา ขณะที่ กระบวนการก็มีการทอดเวลาให้นานออกไป ดังนั้น การปฏิรูปตำรวจต้องให้ความรู้พนักงานสอบสวน มีเครื่องมือเก็บพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำอะไรถึงปล่อยให้การปฏิรูปตำรวจคาราคาซัง
โฆษกตร. เผย ย้ายรองผบ.ตร.กลับสตช.ไม่เกี่ยวข้องแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่
หลังพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2563 ให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมตั้งแต่วันนี้ (24 ก.ค. 63) เป็นต้นไป พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คำสั่งครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กลับมาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามเดิม เพราะกรณีของพล.ต.อ.วิระชัย มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยจเรตำรวจแห่งชาติและมีการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจากนี้กองวินัยและสำนักงานกำลังพลจะรับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาดำเนินการตามขั้นตอนต่อว่ามีความผิด ไม่ผิดอย่างไร คาด 1-2 วัน จะส่งให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ พิจารณาสั่งการได้ โดยในส่วนของ พล.ต.อ.วิระชัย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมอบหมายหน้าที่อีกครั้ง ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่จะมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่นั้น โฆษก ตร. กล่าวเพียงว่า ขณะนี้กระบวนการแต่งตั้งยังไม่เกิดขึ้นขออย่าเพิ่งตีความไปก่อน แต่ยอมรับว่า พล.ต.อ.วิระชัย เป็นหนึ่งในตัวเลือกเป็น ผบ.ตร.คนใหม่
ตั้ง ‘เมทินี ชโลธร’ เป็นประธานศาลฎีกาหญิงคนแรกของประเทศไทย
นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ครั้งที่ 10/2563 มีวาระการพิจารณาเเต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาตามบัญชีรายชื่อของสำนักงานศาลยุติธรรมระดับตั้งแต่ประธานศาลฎีกาลงมาจนถึงระดับหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เเละบัญชีผู้พิพากษาอาวุโส โดยที่ประชุมมีมติตั้ง นางเมทินี ชโลธร รองประธานศาลฎีกา ขึ้นเป็นประธานศาลฎีกา คนที่ 46 นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งตำแหน่งนี้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป
สำหรับนางเมทินี เกิดวันที่ 3 ธ.ค.2498 อายุ 64 ปี รับราชการเป็นผู้พิพากษาตั้งเเต่วันที่ 1 ต.ค.2524 ปัจจุบันดำรงตำเเหน่งรองประธานศาลฎีกา เเละเลขาธิการเนติบัณฑิตยสภา ประวัติการทำงาน เป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดสุรินทร์, ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4, ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์, ผู้พิพากษาศาลฎีกา, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา, ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ, ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา
สธ.วางแผนรับมือ เตรียมเปิดโรงเรียน 100%
แนวทางการดำเนินการปิดหรือไม่ปิดสถานศึกษา สถานประกอบการ กรณีเกิดโรคโควิด-19 นั้น พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ให้ปิดสถานศึกษา สถานประกอบการ กรณีพบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 โดยหากพบจำนวน 1 รายขึ้นไป ให้ปิดห้องเรียน แผนกที่เกี่ยวข้องในสถานประกอบการเป็นเวลา 3 วันเพื่อทำความสะอาด เมื่อพบผู้ป่วยยืนยันมากกว่า 1 ห้องเรียนให้ปิดห้องเรียนที่มีผู้ป่วยหรือห้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยเป็นเวลา 3 วัน เพื่อทำความสะอาดหรือเมื่อพบผู้ป่วยยืนยันมากกว่า 1 แผนกในสถานประกอบการ ให้ปิดแผนกที่มีผู้ป่วยหรือแผนกที่เกี่ยวข้องตามข้อมูลการสอบสวนโรคเป็นเวลา 3 วันเพื่อทำความสะอาด
พร้อมย้ำว่าไม่ต้องปิดสถานศึกษา สถานประกอบการ กรณีที่ไม่พบผู้ป่วยยืนยันในสถานที่ โดยมีแนวทางดำเนินการ คือ
1.ผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงในสถานศึกษา/สถานประกอบการ โดยผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง ให้สังเกตอาการเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน หากพบอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยระหว่างรอผลให้กักตัวที่บ้าน สถานศึกษา สถานประกอบการดำเนินกิจกรรมได้ตามปกติ และสื่อสารให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจความเสี่ยงและแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไป โดยหากมีหลักฐานและความจำเป็นต้องปิดสถานที่ให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
2.ผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ ให้สังเกตอาการและไม่จำเป็นต้องปิดสถานที่
3.ผู้ใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จัดว่ามีความเสี่ยงต่ำ ไม่จำเป็นต้องหยุดเรียน หยุดงาน แต่ให้สังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน
และ4.ผู้ใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จัดว่าไม่มีความเสี่ยง ไม่จำเป็นต้องหยุดเรียน หยุดงาน แต่ให้สังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน
ในทุกกรณี ขอให้ดำเนินการพื้นฐานของข้อมูลการสอบสวนทางระบาดวิทยาและสถานการณ์โรคในพื้นที่
สำหรับผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง คือ ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 ตามข้อใดข้อหนึ่ง ได้แก่ ผู้ที่เรียน ผู้อาศัยร่วมห้องพักหรือทำงานในห้องเดียวกันหรือคลุกคลีกัน ผู้ที่มีการพูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตรนานกว่า 5 นาที หรือถูกไอ จาม รดจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยไม่มีการป้องกัน ผู้ที่อยู่ในบริเวณที่ปิด ไม่มีการถ่ายเทอากาศ เช่น ในรถปรับอากาศ ในห้องปรับอากาศ ร่วมกับผู้ป่วย และอยู่ห่างจากผู้ป่วยไม่เกิน 1 เมตร มากกว่า 15 นาที โดยไม่มีการป้องกัน เช่น ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
ส่วนผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ ได้แก่ ผู้ที่ทำกิจกรรมอื่นๆร่วมกับผู้ป่วย แต่ไม่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยงสูง ผู้ใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จัดเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ และผู้ใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จัดว่าไม่มีความเสี่ยง
สั่งคุมเข้มผับ-บาร์ หวั่นซ้ำรอยญี่ปุ่นจนต้องตั้งกฎเลี่ยง'จูบลึกซึ้ง'สกัดโควิดระบาด
การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานบันเทิง นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้หยิบยกในบางประเทศที่มีข่าวเรื่องความใกล้ชิดการมีเพศสัมพันธ์อันเป็นเหตุของการแพร่เชื้อ รวมถึงประเทศญี่ปุ่นก็พบว่า มีเหตุนี้ด้วย จึงต้องให้ผู้ให้คำปรึกษาด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่นตั้งกฎเกี่ยวกับสถานบันเทิงและบาร์ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ระบาดในกลุ่มอายุ 20-30 ปี นั้นก็คือไม่มีการจูบ จะจูบได้เฉพาะแฟนของตัวเองเท่านั้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการจูบอย่างลึกซึ้งด้วย ทำให้จากนี้ไป รัฐบาลจะตรวจสอบธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืนเข้มงวดขึ้น แต่ทั้งนี้ของเรายังไม่เกิดเหตุอะไรขึ้นในภาคธุรกิจด้านบันเทิง ต้องขอบคุณผู้ประกอบการที่ทำดีและให้ทำดีต่อไป ไม่ให้เกิดการระบาดมาจากกลุ่มนี้
ผู้นำสหรัฐฯ กลับลำยังไม่เปิดโรงเรียน หลังโควิดระบาดในกลุ่มวัยรุ่น
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนท่าทีกลับลำให้โรงเรียนในพื้นที่ที่เกิดการแพร่ระบาดหนัก เลื่อนกำหนดเปิดออกไปได้ จากที่ก่อนหน้านี้ได้เรียกร้องให้โรงเรียนในสหรัฐฯ กลับมาเปิดทำการเรียนการสอนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนสิ้นปี หลังจากที่หลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกายังคงมีตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่รัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา ได้คุมเข้มมาตรการล็อกดาวน์หลังพบโรคโควิด-19 ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นอายุราว 20 ปี ซึ่งทำให้เชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยถึงแม้ผู้ที่มีอายุน้อยจะมีความเสี่ยงเสียชีวิตน้อยกว่าผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว แต่หากติดไวรัสก็มีโอกาสที่จะป่วยขั้นรุนแรงได้เช่นเดียวกัน
เบื้องต้นได้มีการกำหนดให้ร้านอาหาร, บาร์ และสถานออกกำลังกาย เปิดให้บริการในระยะเวลาที่จำกัดและต้องปิดทำการก่อน 22.00 น. พร้อมทั้งกำหนดจำนวนผู้เข้าใช้บริการในแต่ละรอบ พร้อมทั้งออกคำสั่งให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะอย่างเคร่งครัด ซึ่งรัฐวอชิงตันมีผู้ป่วยโควิด-19 ทะลุ 50,000 รายแล้ว
ล่าสุดเว็บไซต์ Worldometer รายงานตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 สะสมในสหรัฐฯ อยู่ที่4,169,991คนและเสียชีวิต147,333 ราย
หุ้นไทย ปิดตลาดลดลง 18.73 จุด เช่นเดียวกับหุ้นเอเชีย ปัจจัย สหรัฐฯ-จีนเปิดศึกการเมือง
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,340.92 จุด ลดลง 18.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,529.79 ล้านบาท หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ติดลบ จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจีนมีการตอบโต้สหรัฐฯด้วยการสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯที่เมืองเฉิงตู ซึ่งมองว่าเป็นประเด็นการเมือง และมีความกังวลว่าจะลุกลามไปอย่างอื่นอีก
นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งในสหรัฐฯ และบราซิล ก็ยังมีผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนมาก นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,904.65 ล้านบาท
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 24,705.33 จุด ลดลง 557.67 จุด จากปัจจัยเดียวกัน
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (24 ก.ค.) เนื่องในวันกีฬา
ศาลจำคุก 25 ปี ผู้ต้องหาขับรถพุ่งชนเพื่อนบ้านขณะรดน้ำต้นไม้
ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีนายไพบูลย์ ส่างสาร อายุ 56 ปี ขับรถชนนายสุพรรณ ญาติบรรทุง อายุ 57 ปี นายช่างโยธาเสียชีวิต ขณะยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน สาเหตุเนื่องจากไม่พอใจเรื่องตั้งราวตากผ้าเกะกะขวางทาง เหตุเกิดเมื่อ 25 มกราคม 2563 ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 1 ชั่วโมง โดยพิเคราะห์พิจารณาแล้วเห็นว่า นายไพบูลย์ มีเจตนาฆ่านายสุพรรณ ญาติบรรทุง พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษคงเหลือจำคุก 25 ปี พร้อมสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายกับครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ชดใช้ให้ภรรยาผู้เสียชีวิตประมาณ 2.5 ล้านบาท และบุตร 800,000 บาท รวม 3 ล้านบาทเศษ โดยภรรยาผู้เสียชีวิตขอบคุณศาลให้ความเป็นธรรม แต่เงินค่าชดใช้ทั้งหมดคงเทียบกับความสูญเสียไม่ได้ ด้านนายปรเมษฐ์ แดนดงยิ่ง ทนายความ เปิดเผยว่า พอใจกับคำพิพากษาของศาล ส่วนหลังจากนี้จะต่อสู้หรือยื่นอุทธรณ์ต่อไปอย่างไร จะต้องปรึกษากับทางครอบครัวผู้เสียหายอีกครั้ง