แก๊งค้ามนุษย์ลักลอบขนชาวเมียนมา 32 คน จากมาเลเซีย พบไข้สูง 7 คน
นพ.อนุ ทองแดง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.ปากน้ำชุมพร นายสมศักดิ์ ชุมพล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลปากน้ำชุมพร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมทีมปฏิบัติการควบคุมโรคจากสำนักงานสาธารณสุข และโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เข้าร่วมสอบสวนโรคชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 32 คน แยกเป็นหญิง 8 คน ชาย 24 คน ทั้ง 32 คน มีอายุ ระหว่าง 21-47 ปี โดยเฉพาะผู้หญิง 8 คน อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ 4 คน เพื่อตรวจ PRC คัดกรองหาเชื้อโควิด-19 หลังจากชาวเมียนมาทั้งหมดถูกแก๊งค้าแรงงานมนุษย์พามาปล่อยทิ้งไว้ในสวนปาล์มน้ำมันของชาวบ้าน ตำบลท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร
จากการสอบสวนทราบว่าชาวเมียนมาทั้งหมด 32 คน รับจ้างทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียแล้วได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ตกงานมานานกว่า 3 เดือน อยู่ในประเทศมาเลเซียมีความเป็นอยู่ด้วยความยากลำบาก จึงใช้เงินเก็บที่สะสมไว้ว่าจ้างให้แก๊งค้าแรงงานมนุษย์ชาวไทย คนละ 20,000 บาท พาหลบหนีเข้าประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านอำเภอสะเดา จ.สงขลา มากับรถยนต์กระบะติดกรงเหล็กหรือรถรั้ว เพื่อจะกลับประเทศเมียนมาทางชายแดนด้าน จ.ระนอง แต่เมื่อมาถึงในพื้นที่ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่มีการตั้งด่านตรวจคุมเข้มทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง จึงทำให้แก๊งค้ามนุษย์พาชาวเมียนมาทั้งหมดมาปล่อยทิ้งไว้ในสวนปาล์มชาวบ้านพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลท่ายาง อ.เมือง จนมีชาวบ้านไปพบแล้วแจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจ สภ.ปากน้ำชุมพร ไปตรวจสอบทั้งหมดเป็นแรงงานผิดกฎหมาย จึงควบคุมตัวไปกักกันเข้าสู่กระบวนการตรวจโรคหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากลักลอบหลบหนีมาจากประเทศมาเลเซียที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ทีมปฏิบัติการควบคุมโรค ต้องใส่ชุดป้องกันทางการแพทย์ตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทำการตรวจ PRC คัดกรองโรคหาเชื้อโควิด-19 ชาวเมียนมาทั้ง 32 คน ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง พบว่ามีไข้สูงถึง 7 คน เป็นชาย 6 คนหญิง 1 คน เจ้าหน้าที่ได้แยกตัวออกทันทีนำไปที่ห้องควบคุมโรคโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ส่วนชาวเมียนมาที่เหลือถูกควบคุมตัวไว้ที่สมาคมชาวประมงร่วมใจชุมพร เพื่อรอการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายฐานเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และขยายผลติดตามจับกุมแก๊งค้าแรงงานมนุษย์ที่รับจ้างนำชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยต่อไป
นายกฯ ย้ำหัวหน้าส่วนราชการประสานการทำงานแบบไร้รอยต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในโอกาสเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ขอให้ทุกคนตระหนักว่า เราทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ทั้งในและต่างประเทศ และขอบคุณข้าราชการที่ร่วมผ่านปัญหากันมาจำนวนมาก และหวังว่า จะมีการแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด และแก้ไขไปได้เรื่อยๆ นายกรัฐมนตรี มอบหมายปลัดกระทรวง ที่ถือเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ให้ประสานการทำงานแบบไร้รอยต่อให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ เพราะจะทำงานแบบแยกส่วนกันไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากปัญหามีความเกี่ยวโยงกันหลายอย่าง นายกรัฐมนตรีก็ตัดสินใจยากในหลายอย่าง จึงต้องประสานการทำงานร่วมกัน ทุกอย่างต้องใช้ความจริงใจ แม้แต่เรื่องความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ก็สามารถเป็นไปได้ แต่ต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยด้วยว่า จะสามารถทำได้แบบไหน อย่างไร
แฟ้มภาพ
ธปท.ย้ำไม่ได้แทรกแซงค่าเงิน หลังมีข่าวสหรัฐฯ อาจจะขึ้น Watchlist
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่าประเทศไทยและไต้หวันอาจจะถูกกระทรวงการคลังสหรัฐจับตาว่าเป็นประเทศที่มีการแทรกแซงค่าเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐนั้น ธปท.หารือกับกระทรวงการคลังสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดการเงินโลก พัฒนาการของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทย และความจำเป็นของ ธปท.ที่ต้องเข้าดูแล เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบางช่วงจังหวะเวลาที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างเฉียบพลันจากการปรับมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดการเงินโลกและในประเทศอุตสาหกรรมหลัก
ธปท.ย้ำเสมอว่าธุรกรรมของ ธปท.ในตลาดเงินตราต่างประเทศ มิได้มุ่งหวังที่จะบิดเบือนค่าเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้ากับคู่ค้าของไทย เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปได้ทั้ง 2 ทิศทาง ทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า ไม่ได้ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง และการทำธุรกรรมในตลาดเงินตราต่างประเทศของ ธปท.เป็นไปทั้ง 2 ทางเช่นกัน คือ มีทั้งการซื้อและการขายเงินตราต่างประเทศ ตามปริมาณเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เข้าออกอย่างผันผวนและรวดเร็ว
คาด “ทรัมป์” อาจสั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองอื่นๆอีก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ยังมีความเป็นไปได้ตลอดเวลาที่จะสั่งให้มีการปิดสถานกงสุลของจีนแห่งอื่นในสหรัฐฯอีก และให้ความเห็นเกี่ยวกับกลุ่มควันหนาทึบลอยออกมาจากบริเวณสนามหญ้าภายในสถานกงสุลอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานหลังรัฐบาลสหรัฐฯประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนคงกำลังเผาทำลายเอกสารบางอย่าง
ด้านนายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐฯโดยยืนยันว่า สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮิวสตัน เป็นสำนักงานการทูตทั่วไป ให้บริการด้านเอกสารเป็นหลักสำหรับประชาชนทั้งชาวจีนและชาวอเมริกัน พร้อมทั้งเตือนว่ารัฐบาลจีนจะตอบโต้ในระดับเดียวกัน
ปัจจุบันจีนมีสำนักงานการทูตในสหรัฐฯ 6 แห่ง รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตในกรุงวอชิงตัน และสถานกงสุลในเมืองฮิวสตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานกงสุลขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในสหรัฐฯ เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2522 ซึ่งเป็นปีที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ แต่ในขณะที่สหรัฐฯกำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้ และความร่วมมือกับจีนในภาพรวมกำลังตึงเครียด ในอีกด้านหนึ่งจึงมีการวิเคราะห์เช่นกันว่า คำสั่งของนายทรัมป์ในเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการหาเสียงด้วยหรือไม่
สารพิษปนเปื้อน! ฝนตกหนัก มูลนิธิบูรณะนิเวศ ลงพื้นที่ เก็บตัวอย่างน้ำ-ดิน อ.แม่สาย จ.เชียงราย-อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
...
เฮลิคอปเตอร์ตำรวจรุ่น BELL 212 ตกที่อ่าวน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดับ 3
...
ศาลสั่งระงับ คำสั่งประธานาธิบดีทรัมป์ ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หยุดรับนักศึกษาต่างชาติ
...
ข่าวทั้งหมด
