หลังพิธีฌาปนกิจศพ เพื่อส่งดวงวิญญาณนักโทษชายลีอุย แซ่อึ้ง (ซีอุย)ที่วัดบางแพรกใต้ จ.นนทบุรี เสร็จสิ้นลงแล้ว การจัดพิธีฌาปนกิจศพ เป็นไปด้วยความเรียบง่าย และนับเป็นการปิดตำนานมนุษย์กินคน
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ในฐานะหน่วยงานต้นทางได้ปฏิบัติตามระเบียบการดูแลศพของนักโทษประหารที่ไม่มีญาติมารับศพ โดยเรือนจำบางขวาง เป็นผู้ทำหน้าที่จัดทำพิธีทางศาสนา
ส่วนการจัดการกระดูกของซีอุย จะเป็นไปตามกฎระเบียบ กรมราชทัณฑ์ โดยนักโทษประหารชีวิตทุกคนจะต้องนำกระดูกเก็บไว้ที่วัดของกรมราชทัณฑ์ซึ่งคือวัดบางแพรกใต้แห่งนี้ แต่จะติดชื่อ ที่ช่องเก็บกระดูกว่า เป็นซีอุยหรือไม่นั้น จะมีการหารือกันอีกครั้ง
สำหรับข้อเรียกร้องของชาวบ้านอ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ต้องการนำกระดูกของซีอุยไปลอยอังคาร อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้เพราะต้องทำตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ และการจัดพิธีฌาปนกิจศพซีอุย เพื่อให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ และไม่อยากให้เป็นประเด็นอีก การดำเนินการขณะนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาไม่อยากให้ลุกลามบานปลายถึงขนาดสร้างศาลซีอุย ทำให้คนเข้าใจผิดว่าจะต้องกราบไหว้บูชา
ศ.นพ.ธวัชชัย อัครวิพุธ รองคณบดีฝ่ายบริหาร ภาควิชาศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ร่างของซีอุยได้อยู่ที่ รพ.ศิริราช มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ซึ่งถือว่ามีความผูกพัน และใจหายที่วันนี้ มีการฌาปณกิจแล้ว แต่ทุกฝ่ายก็น้อมรับไปตามกระบวนการสิทธิมนุษยชน
ที่ผ่านมาร่างของซีอุยถือว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่ได้อุทิศร่างกายให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษา โดยเฉพาะภาควิชาทางด้านการแพทย์นิติเวช วันนี้จึงหวังว่าดวงวิญญาณของซีอุยจะไปสู่สุคติ
ขณะที่นางวิภา กิติโชตน์กุล อายุ 83 ปี ชาวบ้านจาก อ. ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจ จะส่งดวงวิญญาณของซีอุยเป็นครั้งสุดท้าย ให้ซีอุยหมดทุกข์ หมดโศก ได้ขึ้นไปไหว้พระ สำหรับกระดูกของซีอุย ต้องนำไปลอยอังคารอย่างเดียว เพราะเป็นไปตามความเชื่อของจีน และการจะนำกระดูกไปไว้ที่อ.ทับสะแกก็ไม่ได้ เพราะที่นั่นไม่มีญาติของซีอุย วันนี้ก็ขอให้เผาทุกอย่างที่เกี่ยวกับซีอุย เพื่อปิดตำนานให้จบ
นางวิภา เล่าอีกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสมัยตนเองอายุ 15 ปี สมัยนั้นยังไงก็ไม่เชื่อว่าซีอุยจะกินคน ใจหายมาก และชาวบ้านทับสะแก ยืนยันเสียงเดียวกันว่า ไม่เชื่อ
ส่วนตัวไม่ได้รู้จักซีอุยหรือเคยสนทนาด้วย แต่ซีอุย เดินผ่านไป-มา หน้าบ้านอยู่หลายครั้ง ทำให้ทราบว่า คนนี้ชื่อ “ซีอุย” โดยซีอุยมาอยู่ที่ อ.ทับสะแก ด้วยการชักชวน จากคนรู้จักให้มาทำงาน ไม่มีญาติ ซีอุยชอบยิ้ม เป็นคนดี และเป็นคนซื่อ