ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2563

23 กรกฎาคม 2563, 07:26น.



หวิดซ้ำรอย! วัยรุ่นบุกรพ.อุดรฯ เยี่ยมเพื่อน โชคดีมีระบบ“ห้องฉุกเฉินต้องปลอดภัย



          นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี ให้ความมั่นใจระบบป้องกันความปลอดภัยของห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อเวลา 01.00 น. รับตัววัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บเข้าห้องฉุกเฉิน จากเหตุทะเลาะวิวาทที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เขตเทศบาลนครอุดรธานี ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี จับภาพกลุ่มเพื่อนและญาติผู้บาดเจ็บกว่า 10 คน เดินทางมาเพื่อจะเข้าดูอาการของผู้บาดเจ็บ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ไม่อนุญาตให้เข้า และได้พูดคุยกับกลุ่มที่เดินทางมาจนกลุ่มเพื่อนเดินทางกลับเหลือเพียงญาติของผู้บาดเจ็บที่เฝ้าคอยการรักษา




          ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลใช้ระบบการเตือนภัยตามที่ได้วางแผนไว้ โดยตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาประจำการที่ห้องฉุกเฉิน จากนั้นแจ้งประสานขอกำลังตำรวจเข้ามาร่วมปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยด้วย พร้อมชี้แจงว่า แม้จะเป็นกลุ่มเดียวกันก็ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมเพื่อนได้ และเกรงว่าจะเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่  เคสนี้เป็นเคสตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น



          โซนห้องฉุกเฉินใหม่ของโรงพยาบาลอุดรธานี คนที่จะเข้าหรือออกจะต้องได้รับการอนุมัติให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น พร้อมทั้งมีมาตรการเตือนภัยซึ่งเป็นเสียงสัญญาณ 3 ครั้ง เมื่อได้ยินเสียงแล้วบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานจะได้เข้าหลบพร้อมเคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ราคาแพงเข้าที่ห้องปลอดภัย โรงพยาบาลได้เตรียมความพร้อมและแจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบและให้นโยบายมาว่า “ห้องฉุกเฉินต้องปลอดภัย” พร้อมสั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่งทำ




อัยการสมุทรปราการ จะบรรยายฟ้องให้ครบถ้วนให้ผู้ต้องหาบุกรพ.รับโทษหนักที่สุด 



          การควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันภายในโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า และ โรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ จ.สมุทรปราการ รายงานระบุว่า ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองกลุ่มได้ทั้งหมดแล้ว 27 คน แบ่งเป็นกลุ่มซอยโรงเหล็ก 3 คน และซอยมหาวงษ์ 24 คน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย



          นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้เบื้องต้นสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา เรียกร้องให้มีการเพิ่มโทษกับผู้กระทำความผิด สำนักงานอัยการสูงสุดไม่ขัดข้อง แต่จะต้องมีผู้เสนอกฎหมาย เพราะกรณีนี้เป็นกฎหมายเฉพาะเป็นอัตราโทษเฉพาะ ต้องเสนอเข้าไปสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา บัญญัติเป็นกฎหมายต่อไป เพราะกฎหมายอาญาคือพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี แต่ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุดได้ใช้วิธีการบรรยายฟ้อง ระบุพฤติกรรมกระทำความผิดว่า ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมอุกอาจไม่เคารพกฎหมายขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก อย่างกรณีที่เกิดเหตุลักษณะเดียวกันในพื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.นครพนม ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่รอลงอาญา



          นายโกศลวัฒน์ เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับอัยการจังหวัดสมุทรปราการเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งอัยการจังหวัดสมุทรปราการ ระบุว่า ได้เห็นพฤติกรรมของกลุ่มก่อเหตุทั้งหมดแล้วจะบรรยายฟ้องให้ครบถ้วน รวมถึงจะดูด้วยว่ามีผู้ต้องหารายใดที่มีโทษรอลงอาญาไว้ ส่วนนี้ก็จะขอเอามาบวกโทษ หรือใครที่เคยทำผิดแล้วมากระทำผิดซ้ำอีกส่วนนี้ก็จะดำเนินการขอเพิ่มโทษให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้



          พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับกองบังคับการหรือภูธรจังหวัด เพิ่มมาตรการในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและระงับเหตุโดยให้ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจตราโรงพยาบาล สถานพยาบาล



จับได้แล้ว! คนขับรถตู้ ยอมรับทำจริงฉุดหญิงสาวขึ้นรถหลังสวนลุมฯ



          เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน บก.น.5 และชุดสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ จับกุมนายณเดช สิทธิ์มโนมัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ คนขับรถตู้โฟล์คสวาเกน ภายหลังจอดรถทิ้งไว้แล้วหลบหนี ก่อเหตุอุ้มหญิงสาวจากบริเวณสวนลุมพินี เมื่อกลางดึกวันที่ 21 ก.ค. โดยแฟนหนุ่มของหญิงสาว กระโดดเกาะหน้ารถ ก่อนพุ่งชนป้ายบอกทางเชิงสะพานไทยเบลเยียม รถได้รับความเสียหาย ส่วนแฟนหนุ่มหล่นจากรถบริเวณหน้าโรงพยาบาลจุฬา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนคุมตัวนายณเดช พร้อมกับรถตู้โฟล์คสวาเกน หมายเลขทะเบียน ฮย 9992 กรุงเทพมหานคร ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ ได้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาพุทธบูชา



         พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาที่ สน. ทุ่งมหาเมฆ เพื่อประชุมร่วมกับฝ่ายสืบสวนสอบสวน  จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ก่อนก่อเหตุได้นำรถนายจ้าง ซึ่งมีบริษัทอยู่แถวย่านจอมทองขับมาก่อเหตุกับหญิงสาวดังกล่าว ก่อนนำรถไปคืนบ้านนายจ้าง  และยอมรับว่ามีพฤติกรรมซาดิสต์ เคยทำมาแล้วหลายครั้ง เพราะเป็นความชอบส่วนตัว ทางตำรวจคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และ กักขังหน่วงเหนี่ยว



ทหารไทย กลับจากฝึกผสมที่รัฐฮาวาย แยกคนมีไข้ไป รพ.พระมงกุฎฯ



          เฟซบุ๊กกองทัพบก "ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก"เผยแพร่ข้อความและภาพของกำลังพลไทยที่เดินทางถึงประเทศไทย เมื่อช่วงเย็น 22ก.ค. กำลังพลจากร้อย ร.ไทยทั้ง 151 นาย เดินทางถึงไทยแล้ว หลังเสร็จสิ้นภารกิจฝึกผสม Lighting force 2020 ที่มลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ  กำลังพลทั้งหมดได้ปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปที่เดินทางกลับเข้าประเทศทุกประการ นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้มีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเสริมการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น





          กำลังพลทั้งหมดได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่กักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา ยกเว้นทหาร 10 นายที่พบว่ามีไข้ เจ้าหน้าที่จึงนำส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างละเอียด ทุกคนจะถูกกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วันเพื่อสังเกตและดูอาการอย่างต่อเนื่องจนครบตามเวลาที่กำหนดและจะมีการตรวจซ้ำอีกรอบ หากผลออกมาทุกคนปลอดเชื้อ ก็จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับหน่วยต้นสังกัดหรือกลับที่พักได้



CR:facebook ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก Army PR Center




 

ข่าวทั้งหมด

X