เหลืออีก 4 วัน ! ครบ 14 วัน เฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 คน ใน จ.ระยอง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่ จ.ระยอง ว่ามีการตรวจเชื้อเพิ่มเติม เมื่อวานนี้(20 ก.ค.) ประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง มารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระราชทาน 279 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 115 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 164 คน
-กระทรวงสาธารณสุข ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ระยอง ปัจจุบันตรวจไปแล้วมากกว่า 6,000 คน และให้ผลเป็นลบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชี้ได้ว่ามาตรการที่ทุกฝ่ายได้ดำเนินการร่วมกันสามารถจำกัดขอบเขตการระบาดได้ โอกาสที่จะพบการแพร่เชื้อจากทหารอียิปต์ในพื้นที่มีต่ำมาก และพื้นที่ระยองมีความเสี่ยงน้อย
-ส่วนการเฝ้าระวัง 14 วัน (นับหลังจากที่สัมผัสในวันที่ 10 ก.ค. 2563) ผ่านมา 10 วันแล้ว ตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อ เหลืออีก 4 วันก็จะครบ 14 วัน ขอให้ร่วมกันเฝ้าระวังและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ทั้งนี้ บุคคล กิจการ กิจกรรม ที่ไม่เกี่ยวข้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติที่เน้นวิถีใหม่ "สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด"
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้มีการหารือเคสระยองโมเดลโดยเฉพาะการสั่งปิดพื้นที่เสี่ยงที่ขณะนี้มี 2 แห่ง โดยเห็นว่าก่อนจะมีคำสั่งปิดสถานที่ใดๆ ควรจะมีการหารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อใช้ข้อมูลรอบด้านมาร่วมพิจารณา เช่นเดียวกับ คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯที่ไม่ได้มีการสั่งปิดพื้นที่ ทั้งคู่จึงเป็นตัวอย่างการเรียนรู้ ที่จะได้วางเป็นระบบเพื่อที่จะรับมือต่อไป ส่วนการตรวจตัวอย่างในการสอบสวนโรคทั้ง 2 พื้นที่ คือ จ.ระยอง 6,780 ตัวอย่าง กรุงเทพฯ 364 ตัวอย่าง รวมทั้งหมด 7,144 ตัวอย่าง ทั้งหมดไม่พบเชื้อ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 วันนี้ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 5 คน
-ญี่ปุ่น 1 คน เป็นนักศึกษาชายอายุ 26 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 7 กรกฎาคม โดยผ่านการคัดกรองโรค พบว่า มีอาการเข้าเกณฑ์ PUI คือมีอาการไข้ จึงเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในจ.สมุทรปราการ ในขั้นแรกตรวจไม่พบเชื้อ จึงเข้าพักใน State Quarantine ที่กรุงเทพมหานคร จากนั้นตรวจหาเชื้อใหม่ ในวันที่ 18 กรกฎาคม พบติดเชื้อ พบว่า มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น
-อียิปต์ 3 คน เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 20 ปี 25 ปี และ 28 ปี เดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เป็นเที่ยวบินเดียวกับที่เคยมีรายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว 8 คน อยู่ใน State Quarantine ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจหาเชื้อในวันที่ 19 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
-ซูดาน 1 คน เป็นชายไทยอายุ 35 ปี เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 18 กรกฎาคม เที่ยวบินเดียวกับที่เคยมีรายงานก่อนหน้านี้ 1 คน ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค มีอาการปวดจากโรคไส้เลื่อน จึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ ตรวจพบเชื้อในวันที่ 18 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
ทำให้ในขณะนี้ ประเทศไทย
-มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,255 คน
-หายป่วยแล้วเพิ่มขึ้นอีก 9 คน รวมผู้หายป่วยแล้ว 3,105 คน
-ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 92 คน
-เสียชีวิตคงที่ สะสม 58 ราย
-ประเทศไทย เป็นอันดับที่ 102 ของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อ
WHO เตือนโควิด-19 เพิ่มขึ้น ในทวีปแอฟริกา
องค์การอนามัยโลก(WHO) ระบุว่า การระบาดของโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้นในแอฟริกาใต้ เป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยให้แก่ประเทศอื่นๆ ในทวีปให้เฝ้าระวังโรคระบาดชนิดนี้ให้มากขึ้น เมื่อวันเสาร์ แอฟริกาใต้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,373 คน มากเป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่บอตสวานา เคนยา นามิเบีย แซมเบีย และซิมบับเว แม้จะพบผู้ติดเชื้อน้อยกว่า แต่ก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
WHO เตือนให้บรรดาคนพื้นเมืองทั่วโลก ระมัดระวังตัวจากโควิด-19 เนื่องจากคนเหล่านี้มักมีสภาพความเป็นอยู่ยากจน โดยพบว่าคนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาใต้ ติดเชื้อกว่า 70,000 คน และเสียชีวิตกว่า 2,000 ราย นับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.เป็นต้นมา
“ทรัมป์”เตรียมส่งกองกำลัง 150 นาย สลายม็อบเหยียดผิว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึง สถานการณ์ประท้วงเรื่องสีผิวตามเมืองใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลจากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ว่าแม้ระดับของการก่อความรุนแรง ลดลงบ้าง แต่ขณะนี้ยังมีการชุมนุมประท้วงตามเมืองใหญ่หลายแห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลท้องถิ่นลิเบอรัลเดโมแครต ทั้งนี้ นายทรัมป์ เอ่ยชื่อนครนิวยอร์ก เมืองชิคาโก เมืองฟิลาเดลเฟีย เมืองดีทรอยต์ เมืองบัลติมอร์ และเมืองโอ๊กแลนด์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าจะสั่งให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิส่งเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ไปที่เมืองดังกล่าวเพื่อยุติสถานการณ์ที่ยืดเยื้อมานานเกินไปแล้ว
ท่าทีดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเตรียมส่งเจ้าหน้าที่กองกำลังกึ่งทหารอย่างน้อย 150 นาย ลงพื้นที่เมืองชิคาโก เพื่อช่วยเหลือตำรวจท้องถิ่นในการสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงหัวรุนแรง พยายามทำลายอนุสาวรีย์ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว เบื้องต้นมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง 63 คน และเสียชีวิตแล้ว 12 ราย
นายเท็ด วีเลอร์ นายกเทศมนตรีเมืองพอร์ตแลนด์ ประณาม นายทรัมป์ อย่างหนักที่ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้ามาโดยพลการว่าผิดกฎหมายและเป็นอันตรายแก่ชาวเมืองพอร์ตแลนด์ โดยยืนยันจะมีการฟ้องร้องอย่างแน่นอน และมองว่าผู้นำสหรัฐฯสร้างภาพเพื่อหาเสียง