การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ วันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) ที่จะมีการพิจารณาผ่อนคลายระยะที่ 6 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การพิจารณาผ่อนคลายต้องคำนึงถึง 2 ด้าน คือด้านเศรษฐกิจและด้านสุขภาพ เพื่อสร้างความสมดุล ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาว่าจะต่ออายุพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 กรกฎาคม นี้ โดยต้องพิจารณาตามความจำเป็นและคำนึงถึงสิ่งสำคัญในการใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ว่า มีไว้เพื่ออะไร ซึ่งได้เคยย้ำไปหลายครั้งแล้วว่า กฎหมายปกติไม่ครอบคลุม และการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะพระราชบัญญัติการชุมนุมก็มีบังคับใช้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปสั่งการอะไรเพิ่ม
ส่วนกรณีที่โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งมีโรงแรมบางแห่งฉวยโอกาสขึ้นราคา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากรายใดขึ้นราคามากกว่าที่ตกลงไว้ จะมีการขึ้นแบล็กลิสต์ ส่วนตัวให้ความสำคัญกับกลุ่มโรงแรมขนาดเล็กที่มีการร้องขอเข้าร่วมโครงการ พร้อมกับมีการขยายวงเงินจาก 600 บาท เป็น 900 บาท ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องช่วยกัน หากทำไม่ดี จะส่งผลกระทบกับธุรกิจของโรงแรมเอง เพราะได้มีการหารือกันไปก่อนแล้วว่า ราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไหร่ โรงแรมเองต้องมีความซื่อสัตย์ด้วย
สำหรับวันหยุดชดเชยสงกรานต์ที่เหลืออีก 2 วันนั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะหาจังหวะที่เหมาะสม โดยจะพิจารณาให้ติดกับช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อให้มีวันหยุดระยะยาว ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ