เตรียมเพิ่มสถานที่กักตัว เพิ่มทางเลือกคนไทยกลับจากต่างแดน จ่ายเงินเอง
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวถึง คนไทยในต่างประเทศที่ประสงค์จะเดินทางกลับไทย โดยย้ำถึงขั้นตอนการดำเนินการที่จะต้องลงทะเบียนและมีเอกสารประกอบการเดินทางให้ครบถ้วน จากนั้นรอคิวเพื่อเดินทาง ทั้งหมดนี้ดำเนินการผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม บางประเทศยังปิดประเทศอยู่ บางประเทศสามารถบินตรงถึงไทยได้ แต่บางประเทศอาจต้องแวะเปลี่ยนเครื่องประเทศใกล้เคียง กระทรวงการต่างประเทศพยายามให้คนไทยเดินทางกลับให้ได้วันละ 600 คน แต่การบริหารจัดการต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์จำนวนมาก และมีข้อจำกัดเรื่องสถานที่สำหรับกักกันตัวหรือ State Quarantine ที่ไม่เพียงพอ จึงกำลังเร่งหาโรงแรมเพิ่ม โดยอาจเพิ่มทางเลือกให้สำหรับผู้ที่พร้อมจ่ายเงินค่าสถานที่กักกันเอง เบื้องต้นขอให้ทุกคนติดต่อสถานทูตในประเทศนั้น ๆ แล้วแจ้งจุดประสงค์ เพื่อจัดสรรให้เหมาะสมต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กรณีสถานประกอบการที่ต้องการแรงงานต่างด้าว วันพรุ่งนี้(22 ก.ค.) จะประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนคลายเรื่องดังกล่าวใน 4 กลุ่มหลัก คือ
-ชาวต่างชาติที่มาจัดแสดงสินค้า
-กลุ่มถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งมีจำนวนคน ช่วงเวลาและสถานที่ถ่ายทำชัดเจน
-แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ เนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมอาหารและการก่อสร้าง
-กลุ่ม Medical & Wellness ที่เข้ามารักษาและศัลยกรรม โดยทุกกลุ่มจะต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน
ส่วนการใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ หลังจากเกิดกรณีที่จ.ระยองและซูดาน ประชาชนให้ความร่วมมือใช้ไทยชนะมากขึ้น และขอความร่วมมือต่อไปโดยการเช็คอินเมื่อไปสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ศบค.ใช้เป็นข้อมูลตรวจสอบได้
ส.ว.ตั้งกระทู้ถาม รมว.กต.ชี้แจงมาตรการดูแลคนไทย
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมสมาชิกวุฒิสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ตั้งกระทู้ถามเรื่องมาตรการคลายล็อกสำหรับคนไทยที่กลับจากต่างประเทศว่า ภาพรวมของการแพร่ระบาดของ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ตัวเลขตั้งแต่วันที่ 19-31 ก.ค.มีผู้แจ้งขอเดินทางกลับประมาณ 8,287 คน ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.-18 ก.ค. เดินทางกลับมาแล้วจำนวน 56,934 คน ในจำนวนคนที่เดินทางเข้ามามีจำนวน 310 คน ที่ติดเชื้อ หรือร้อยละ 0.5 ของทั้งหมด ยืนยันว่า กลไกควบคุมทั้งหมดที่กระทรวงต่างประเทศดูแลอยู่มีความเคร่งครัด เข้มข้น และเป็นระบบ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ ติดตามให้การช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศก่อนเดินทางกลับอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการติดตามสอบสวนโรคก่อนเดินทางกลับ และคนไทยในต่างประเทศส่วนใหญ่ดูแลตัวเองดี ทำให้คนไทยที่กลับจากต่างประเทศมีผู้ติดเชื้อจำนวนไม่มาก
เอกชน-กรมควบคุมโรค วางแนวทางธุรกิจต้นแบบ New Normal
นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดี
สำหรับแนวทางในการดูแลกลุ่มแรงงานให้ปลอดภัย เริ่มต้นจากการจำแนกการทำงานเป็นรายกิจกรรม เพื่อทำการประเมินโอกาสติดเชื้อ และพัฒนาเป็นข้อกำหนด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สำหรับผู้ประกอบการตามแนวคิดชีวิตวิถีใหม่ โครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 คัดเลือกสถานประกอบการขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อรวบรวมข้อมูล จัดทำแนวปฏิบัติในการลดการติดเชื้อ และ ระยะที่ 2 คือ การขยายผลไปยังสถานประกอบการอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรม
ผู้ตรวจการแผ่นดิน เตรียมเชิญ ศบค.ชี้แจง การปรับหลักเกณฑ์วีไอพีเข้าประเทศ
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จากกรณีปัญหาทหารอียิปต์และครอบครัวของอุปทูตซูดาน ติดเชื้อโควิค-19 เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างมาก จนทำให้ศบค.ต้องปรับปรุงการทำงานของตนเอง ดังนั้นในสัปดาห์หน้า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเชิญตัวแทนจากศบค. กระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาชี้แจงว่า ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์การทำงานอย่างไรบ้างหลังเกิดปัญหา ซึ่งหากพบว่า ยังมีช่องโหว่ในการปฏิบัติหน้าที่ และขาดการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะนำเสนอข้อแนะนำส่งตรงไปถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เพื่อให้พิจารณาปรับแก้ไขต่อไป และพร้อมจะใช้อำนาจที่มีอยู่ ประสานการทำงานของแต่ละหน่วยงานให้เกิดความราบรื่น และเป็นไปอย่างละมุนละม่อม
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ในเรื่องของสิทธิทางการทูตกับความเข้มข้นในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ตนก็เห็นว่า เรื่องสิทธิทางการทูต รัฐบาลก็ต้องละมุนละม่อม เพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ แต่สิ่งไหนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทางการทูตก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน เพราะถ้ามาตรการที่รัฐบาลกำหนดทำให้บ้านเมืองเกิดความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทูตเข้ามาในประเทศก็จะความมั่นใจ และสบายใจในการที่จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย