ขึ้นบัญชีดำ ตัดสิทธิโรงแรมขึ้นราคาแพง
โรงแรมที่พักปรับราคาขึ้นจนเท่ากับราคาจองปกติ ทำให้มีเสียงวิจารณ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่รัฐบาลเปิดให้จองโรงแรมที่พักทาง www.เราเที่ยวด้วยกัน.com นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สั่งให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโรงแรมที่ฉวยโอกาสแล้ว หากพบกระทำผิด นอกจากจะถูกตัดสิทธิออกจากโครงการครั้งนี้แล้วยังจะถูกขึ้นบัญชีดำโดนตัดสิทธิในโครงการอื่น ๆ ครั้งต่อไปด้วยและหากมีประชาชนจองห้องพักไปแล้วจะต้องคืนเงินทั้งหมดโดยเร็ว โครงการเราเที่ยวด้วยกัน มุ่งหวังส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวเพื่อกระจายรายได้สู่พื้นที่ต่างๆ เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาครวม หวังให้ผู้ประกอบการร่วมมือไม่ฉวยโอกาสกับประชาชน
ตร.สอบเหตุตีกันในรพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า สมุทรปราการ
เหตุตีกันในโรงพยาบาล พ.ต.ท.สุเมธ สาลี สว.สส. สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวานนี้ บริเวณบ้านเลขที่ 111 / 1 หมู่ 10 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ โดยกลุ่มของนายแฮ๊ก ได้มีปากเสียงชกต่อยกับนายแจ๊ค นายแฮ๊ก จึงได้ไปตามนายรัชต์พงษ์ หรือ คิว วาสนา อายุ 22 ปี ผู้เสียชีวิต และพวกอีกประมาณ 8–9 คนให้มาช่วย จากนั้นเกิดการชุลมุนกันอยู่พักใหญ่ นายรัชต์พงษ์ ได้ถูกของมีคมไม่ทราบชนิด แทงเข้าที่บริเวณราวนมข้างขวา 1 แผล แต่เลือดไม่ออก และได้หมดสติไปเพื่อนจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ จนเสียชีวิต ซึ่งเมื่อพรรคพวกนายรัชต์พงษ์ ทราบว่า คู่กรณีที่แทงนายรัชต์พงษ์ ชื่อ นายธนพล ทองอัยยะ อายุ 21 ปี ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกันและรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ก็ได้ยกพวกเข้าไปก่อเหตุในโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า ส่วนสาเหตุในครั้งนี้ยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด ซึ่งคาดว่าน่าจะพัวพันเรื่องกับยาเสพติดหรือไม่อย่างไร
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ เล่าว่า นายรัชต์พงษ์ หมดสติตั้งแต่ถูกนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาล และหัวใจหยุดเต้น หมอและพยาบาลได้ช่วยกันปั้มหัวใจแต่ไม่เป็นผล และบอกญาติว่าผู้บาดเจ็บเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลแล้ว ทำให้เพื่อนของผู้เสียชีวิตไม่พอใจทำร้ายหมอและพนักงานเวรเปล และยกพวกไปทำร้ายนายธนพล คู่อริที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า
ร.ต.อ.วีระพล ดอนหัวร่อ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ เปิดเผยว่า จากตรวจสอบเหตุกลุ่มวัยรุ่นกว่า 30 คน ก่อเหตุทะเลาะวิวาทและไล่ทำร้ายกันภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล พบว่า อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ โต๊ะเก้าอี้ กระจัดกระจายเกลื่อน กระจกหน้าต่าง ประตูกระจกห้องแพทย์แตก ได้รับความเสียหายอีกหลายรายการ และที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลรวมทั้งหน้าลิฟต์
พยาบาลที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน เล่าว่า ช่วงค่ำประมาณ 19.00 น.มีผู้บาดเจ็บถูกแทงมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและมีตำรวจตามมา 2 นาย จนรักษาเสร็จ มีฝ่ายคู่กรณีขี่จักรยานยนต์ตามมากว่า 20 คัน มาจอดที่หน้าโรงพยาบาลก่อนที่จะกรูกันเข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน แต่ละคนถืออาวุธ ไม่ว่าจะเป็นไม้เบสบอล ไม้ถูพื้น พุ่งเข้าทำร้ายเพื่อนของผู้บาดเจ็บ ทั้งปาข้าวของ ปาเก้าอี้ เจ้าหน้าที่เกรงว่าผู้ก่อเหตุจะทำร้ายผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ชั้นบน จึงปิดลิฟต์ทางขึ้นลงอาคาร โชคดีที่ขณะเกิดเหตุมีผู้ป่วยมารักษาอยู่ในห้องฉุกเฉินเพียง 2 คน ซึ่งเหตุเกิดอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะพากันหลบหนี
ศบค.ชุดใหญ่ เตรียมหารือผ่อนคลายเฟส 6
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึง การพิจารณาผ่อนปรนเฟส 6 ว่า การผ่อนปรนในเฟส 6 คณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ ศบค. มีพิจารณาไปบ้างแล้ว 3-5 รายการ เช่น
-แรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาในกลุ่มที่มีความจำเป็น ทั้งแรงงานก่อสร้าง ธุรกิจผลิตอาหาร
-การจัดแสดงสินค้า
-กองถ่ายภาพยนตร์
-นักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม
กลุ่มคนเหล่านี้จะเข้าสู่เฟส 6 ซึ่งได้มีหารือและทำรายละเอียดรอบด้านจากคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และคณะด้านสาธารณสุขได้ดูแลอย่างรอบคอบ และจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้
ส่วนจะพิจารณาต่ออายุหรือยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจะพิจารณาจากปัจจัยใดเป็นสำคัญ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดอยู่ที่การประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจ ศบค. ที่มีเลขาฯ สมช. เป็นประธานในวันจันทร์หรืออังคารนี้ ก่อนที่จะมีประชุมศบค.ชุดใหญ่โดยจะนำข้อมูลรอบด้านนำเสนอต่อคณะกรรมการทั้งหมดเพื่อพิจารณาและพูดคุยโดยมองในมุมของสาธารณสุข เศรษฐกิจและความมั่นคง ซึ่งรายละเอียดปัจจัยทั้งหมดจะพิจารณาอย่างรอบคอบ
ตรวจกลุ่มเสี่ยงทั้งระยอง –กทม.ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19
ความคืบหน้าการสอบสวนโรคที่ จ.ระยอง หลังเกิดเหตุทหารชาวอียิปต์เดินทางไปในพื้นที่ การตรวจตัวอย่างกรณีสอบสวนโรค ตั้งแต่วันที่ 14-18 ก.ค. รวม 6,015 คน ไม่พบเชื้อ 5,201 คน อยู่ระหว่างผลตรวจ 814 คน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ จ.ระยอง ถือว่าปลอดภัยในช่วงวันหยุดยาวประชาชนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้เพราะเราพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ที่นั่นปลอดภัยและปลอดเชื้อ
กรณีเด็กหญิงในคณะทูตซูดานที่คอนโดแถวสุขุมวิท ในกรุงเทพฯ ตรวจไปแล้ว 364 คน ไม่พบเชื้อโรคโควิด-19