หลังเกิดเหตุ สถานทูตเอสโตเนียอ้างเอกสิทธิ์ทางการทูตส่งบุคคลจากสถานทูต 1 คนขอเข้าพักที่คอนโดฯมิลเลนเนียม เรสซิเด้นส์ แอท สุขุมวิท เพื่อกักตัว 14 วันพร้อมหลักฐานการตรวจหาโรคโควิด-19 ทั้งจากสถานทูตต้นทาง และสนามบินสุวรรณภูมิ แต่นิติบุคคล คอนโดฯยืนยันไม่อนุญาตให้กักตัว
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า กรณีเป็นนักการทูตสัญชาติเอสโตเนีย กระทรวงการต่างประเทศแจ้ง ถึงความเป็นไปในสังคมไทยเรื่องการเข้าพักของผู้เกี่ยวข้องงานการทูต เวลาประมาณ 23.00 น. ไปพักที่ Alternative State Quarantine (ASQ) ที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ เทอร์มินอล 21 ซึ่งนักการทูตเอสโตเนียรายนี้ยังไม่ได้ติดเชื้อ ตรวจก่อนเดินทางมาก็ไม่พบเชื้อ และมีการตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิผลเป็นลบ จึงออกมาได้ และขณะนี้สถานการณ์ยังเป็นปกติ โดยจะให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงรายละเอียดต่อไป
นายวีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชี้แจงว่า บุคคลนี้เป็นนักการทูตของสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย จึงถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของอียู ดังนั้น อียูจึงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของ ศบค.อย่างเคร่งครัด ทั้งประเทศเอสโตเนียและสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐเอสโตเนียไม่ทราบการเข้า-ออกประเทศไทย และจะเข้าไปก้าวก่ายการปฏิบัติราชการของอียูไม่ได้