นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผ่านนายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช.เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง 7 คดี สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกอบด้วยคดีที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ส่อว่าทุจริตต่อหน้าที่ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีเหตุกระชับพื้นที่การชุมนุมของกกลุ่ม นปช., กรณีสั่งปิดสัญญาณดาวเทียมของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมPtvเมื่อปี2553 , กรณีที่ถูกกล่าวหาทุจริตก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง วงเงิน 5,848 ล้านบาท , กรณีเผยแพร่ข่าวว่ารัฐบาลขณะนั้นจะซื้อดาวเทียมไทยคมคืนจนทำให้หุ้นของบริษัทไทยคมจำกัด(มหาชน)มีราคาพุ่งสูงขึ้นและมีการซื้อขายหุ้นในปริมาณและราคาสูงผิดปกติ , กรณีการออกใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยอง ทั้งที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนอย่างรุนแรง , กรณีที่นายสุเทพถูกกล่าวหาทุจริตในการแก้วิกฤตินำมันปาล์มโดยมีผู้ใกล้ชิดได้ประโยชน์ ,รวมถึงกรณีที่มีการทุจริตในคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยางที่ปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
โดยนายพร้อมพงษ์ระบุว่า คดีเหล่านี้มีการร้องเรียนก่อนคดีทุจริตจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการทำงานของ ป.ป.ช.มีสองมาตรฐานหรือไม่ จึงต้องการให้ ป.ป.ช.ชี้แจงขั้นตอนและกระบวนการทำงาน โดยเฉพาะกรณีที่ ปปช.มีมติงดการไต่สวนการสอบพยานเพิ่มในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และคดีที่นายไพโรจน์ อิสระสมชัย อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ยื่นข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่ปี 2552 กรณีส่อทุจริตต่อหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และกฎหมายอื่น ในโครงการประกันรายได้และยื่นเอกสารหลักฐานการทุจริตในโครงการดังกล่าวมอบให้แก่ทางป.ป.ช.แล้ว
ด้านนายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช ชี้แจงว่าปัจจุบันมีการติดตามข้อเท็จจริงทุกคดี รวมถึงคดีการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ที่อยู่ระหว่างการติดตามข้อเท็จจริงและมีเอกสารบางส่วนที่ยังติดอยู่ในชั้นศาลที่มีการฟ้องร้องกันอยู่ แต่ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้นิ่งนอนใจในการติดตามคดี โดยมีการเรียกผู้ร้องและพยานบุคคลมาให้ถ้อยคำ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ส่วนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่ ป.ป.ช.ตัดพยานบุคคลออกนั้น ในชั้นสอบสวน ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสอบเพิ่ม เนื่องจากมีพยานเอกสารและพยานบุคคลชัดเจนแล้ว และ คาดว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะสรุปคดีและทราบผลคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวได้ในช่วงต้นเดือนหน้า
ผสข.วินัยธร สีหาคลัง