ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2563

16 กรกฎาคม 2563, 07:53น.


กรมควบคุมโรค เผยผลตรวจ ผู้ป่วยหญิงปอดติดเชื้อ ไม่ติดโควิด-19



          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง กรณีผู้ป่วยหญิงอายุราว 30 ปี อาศัยอยู่ย่านราษฎร์บูรณะ ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ถูกส่งตัวจากรพ.เอกชนย่านราษฎร์บูรณะ มารักษาที่รพ.ศิริราช ด้วยอาการติดเชื้อที่ปอด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ว่า กรมควบคุมโรค ได้ส่งทีมระบาดวิทยาลงพื้นที่สอบสวนโรค พร้อมเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (แล็บ) 3 แห่ง คือ รพ.จุฬาลงกรณ์ สถาบันบำราศนราดูร และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ล่าสุด ผลแล็บทั้ง 3 แห่งออกมาแล้ว เป็นลบทั้งหมด แสดงว่าไม่มีการติดโควิด-19 ส่วนสาเหตุของอาการป่วยนั้นอยู่ที่แพทย์และสถานพยาบาลที่ทำการรักษา



กัก 3 คนโคราชเสี่ยงโควิด -19 เดินทางกลับมาจากระยอง



          นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นพ.วิญญู จันทร์เนตร ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากเหตุการณ์ที่จ.ระยองและ คอนโด ที่สุขุมวิท ว่าจังหวัดได้แจ้งไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อในพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัด ให้ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชนได้ตรวจสอบและขอให้ประชาชนที่เดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าวรายงานตัวกับอาสาสมัครหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ภายใน 3 วัน



          จากรายงาน พบว่ามีประชาชน 3 คน มารายงานตัว เดินทางกลับมาจากจังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ 8-11 ก.ค.เป็น แม่-ลูก อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอปากช่อง มีอาการเป็นไข้ และเป็นหญิง อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.หมื่นไหว อ.เมือง มีอาการเจ็บคอ จึงได้ส่งทีมสอบสวนโรคเข้าตรวจสอบติดตามอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมให้มีการกักตัวเองภายในที่พักเป็นเวลา 14 วัน แต่เพื่อเป็นการป้องกันที่เข้มงวด เตรียมให้มากักตัวในสถานที่ที่จังหวัดจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อไม่ให้มีการสัมผัสโรคเกิดขึ้น ทั้ง 3 คน ยังไม่มีการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 เพียงแต่มีอาการเข้าข่ายเท่านั้น จึงต้องมีการกักตัวในสถานที่ของรัฐและตรวจโรคอย่างละเอียดอีกครั้ง 



“หมอธีระ” วิเคราะห์เราประมาท ต้องปรับกฎระเบียบคุมโควิด-19 ให้ปฎิบัติได้จริง



          รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเรื่องโควิด-19 ว่า เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด กรณีทหารอียิปต์ และ เด็กหญิงจากประเทศซูดาน เป็นกรณีที่เกิดขึ้นแล้วช่วยให้เราสามารถทราบความจริงว่า ระบบป้องกันและควบคุมโรคที่เรามีอยู่นั้น แม้จะสู้กับระลอกแรกมาได้ดี แต่ยังมีช่องโหว่อยู่มาก และอาจยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับระลอกสอง เนื่องจากพอกลุ่มประชากรมีความหลากหลายมากขึ้น รายละเอียดต่างๆย่อมต้องการการออกแบบให้เหมาะสมและเฉพาะกับแต่ละกลุ่ม เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากกรณีที่เกิดขึ้น



-การคัดกรองจากต้นทางนั้นมีโอกาสหลุดสูง แม้จะตรวจได้ผลลบก็ไม่ได้การันตีว่าจะไม่ติดเชื้อ และยังจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจที่ประเทศปลายทาง พร้อมการกักตัว 14 วันและตรวจซ้ำในระยะเวลาต่อมา



-การกักตัว ต้องลงรายละเอียดถึงสถานที่ ไม่ว่าจะ VIP แค่ไหน ก็ต้องรู้ล่วงหน้าว่ามันคือที่ไหน ได้มาตรฐานหรือไม่ เคร่งครัดหรือเปล่า ขืนปล่อยให้มีอิสระหรือมีเอกสิทธิ์จัดการเอง ก็จะเจอปัญหาอย่างที่เราเห็นกันในครั้งนี้



-การติดตามก็สำคัญยิ่งนัก ต้องหาทางทำให้คนที่เดินทางจากต่างประเทศนั้นยินยอมให้รัฐทราบว่าไปพักที่ใด เดินทางไปไหนอย่างไร วันเวลาใด ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศ ทั้งนี้ต้องรู้อยู่ตลอดไม่ใช่ต้องไปค้นหากล้องวงจรปิดแบบที่ทำกันในเหตุการณ์ครั้งนี้ เรื่องแบบนี้หากต้องบังคับ ก็ต้องบังคับ เพราะเป็นเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยทุกคน



          รศ.นพ.ธีระ เชื่อว่า นายกฯและศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) ทำงานอย่างเต็มที่ และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น แต่พอเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็คงต้องยอมรับว่า เราคงโทษชาวต่างชาติที่ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้แต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ กฎระเบียบนั้นออกมาได้ แต่หากบังคับใช้ไม่ได้ หรือไม่มีกลไกกำกับติดตามที่มีประสิทธิภาพ การแหกกฎย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ และนำพาความหายนะมาสู่เราได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนตัวประเมินว่า เราประมาทเกินไปและมั่นใจในระบบเดิมมากเกินไป ผนวกด้วยการชงมาตรการที่ต้องรับมือทั้งศึกนอกและศึกในไปพร้อมๆ กันโดยมิได้ประเมินศักยภาพของระบบว่าจะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ทำให้การตัดสินใจปลดล็อกครั้งนี้มีโอกาสพลาดได้ จึงขอให้ปรับกระบวนการทัพใหม่



หอการค้า ประเมิน จ.ระยอง เสียหายวันละ 100- 200 ล้าน



          นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจและอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง กรณีที่มีทหารอียิปต์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปพักในโรงแรมและเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าใน อ.เมือง จ.ระยองว่า ได้ประเมินความเสียหายใน จ.ระยองและจังหวัดในภาคตะวันออก คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจวันละ 100-200 ล้านบาทต่อวัน จนไปถึง 14 วัน แต่หากมีติดเชื้อรอบ 2 ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยทั่วประเทศได้รับความเสียหายวันละ 1,000 ล้านบาทหรือเดือนละ 30,000 ล้านบาทเพราะจะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่เฉพาะในจังหวัดระยองเท่านั้น



สปสช.ดำเนินคดีเพิ่มอีก 63 คลินิก เรียกเงินคืนอีกกว่า 2.4 ล้าน



          นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และ นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. แถลงว่า หลังตรวจพบคลินิก 18 แห่ง ทุจริตเงินบัตรทอง จนล่าสุดสามารถเรียกเงินคืนได้แล้วกว่า 60 ล้านบาท คงเหลือยอดค้างชำระรอเรียกคืนอีกกว่า 13 ล้านบาท และดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งยกเลิกสัญญาหน่วยบริการทั้ง 18 แห่งแล้ว



          สปสช.ขยายผลตรวจสอบหน่วยบริการ ที่มีการเบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในกลุ่มของโรคเมตาบอลิกเพิ่มเติมอีก 86 แห่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชน 20 แห่ง และคลินิกเอกชน 66 แห่ง พบข้อมูลไม่ถูกต้อง 63 แห่ง เป็นจำนวนเงินที่ต้องเรียกคืนประมาณ 2.4 ล้านบาท แต่มีหน่วยบริการ 11 แห่งที่ขออุทธรณ์ผลการตรวจสอบ อีก 52 แห่งไม่อุทธรณ์ 



          สำหรับประเด็นที่ตรวจพบ คือ ไม่มีเอกสารหลักฐานของประชาชนที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง และวันที่ 30 ก.ค. ถึง 11 ส.ค.จะลงตรวจสอบรายละเอียดที่หน่วยบริการ จากนั้นจะเรียกเงินคืน พร้อมทั้งขยายการตรวจสอบไปยังรายการเบิกจ่ายทุกรายการในทุกหน่วยบริการทุกระดับ และระงับการจ่ายเงินชดเชยค่าบริการทั้งหมดของ 52 หน่วยบริการในปีงบประมาณ 2563 เรียกคืนเงินจากทุกหน่วยบริการตามจำนวนที่ตรวจสอบพบว่าเบิกจ่ายไม่ถูกต้อง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



CR:facebook สปสช.



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X