ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2563

15 กรกฎาคม 2563, 09:27น.


สทนช.วางแผนบริหารจัดการน้ำช่วยเกษตรกร จ.อ่างทอง



          ปัญหาจังหวัดอ่างทอง ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และ กรมชลประทานไปดูแลแก้ปัญหาแล้ว ขอร้องประชาชนอย่าปิดถนน ปัญหาน้ำเป็นปัญหาสำคัญเพราะการทำเกษตรต้องการใช้น้ำเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลก็พยายามแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มแหล่งน้ำ และจะหาน้ำจากที่อื่นได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้กำลังแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ



          นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาฯ สทนช. ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า ตามที่เกษตรกร ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชัณสูตร ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ขอให้ภาครัฐให้ความช่วยเหลือ ด้วยการวางแผนบริหารจัดการน้ำแบบหมุนเวียน เพิ่มปริมาณน้ำเข้าแม่น้ำน้อยจากเดิมในอัตรา 10 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที เป็น 20 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะยังคงรับน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสัก และแม่น้ำท่าจีน ในอัตรา 15 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเหลือพื้นที่นาปีที่ได้ปลูกข้าวไปแล้วในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา จำนวน 2.63 ล้านไร่ รวมถึงพื้นที่บริเวณจังหวัดอ่างทองด้วย เพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนน้ำที่เกิดขึ้น



          กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน.คาดการณ์แนวโน้มฝนจะเพิ่มขึ้นในกลางเดือนนี้ไปจนถึงเดือนก.ย. คาดว่าจะทำให้การขาดแคลนน้ำในพื้นที่เริ่มคลี่คลาย อีกทั้งเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาที่ยังไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปีอีก 5.47 ล้านไร่ ก็จะทำการเพาะปลูกได้ตามลำดับด้วย



CR:Facebook สทนช. 



นายกฯกำชับทุกกระทรวงระวังใช้งบฯ ชี้ทุกฝ่ายจับตามอง



          นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ฝากทุกกระทรวงให้เน้นเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพราะหลังจากที่ไปพบสื่อมวลชนด้านสิ่งพิมพ์สะท้อนให้เห็นว่า เรื่องแผนยุทธศาสตร์ยังต้องทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นผ่านสื่อมวลชนไปยังประชาชนว่ายุทธศาสตร์ชาติมีอะไรบ้าง และฝากทุกกระทรวงพัฒนาแผนงานให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติด้วย เน้นย้ำว่าแผนงานต้องยึดโยงกันพร้อมกำชับทุกกระทรวงระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูในพ.ร.ก.เงินกู้  ซึ่งได้รับการจับตามองจากทุกฝ่ายและขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ นายกฯฝากเริ่มโครงการสำคัญทั้งหลายที่ นำลงไปพัฒนาพื้นที่เขตจังหวัดชายแดนภาคใต้อยากให้เน้นการพัฒนาเพื่อที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบ



ธปท.พร้อมออกมาตรการเพิ่มหากโควิด-19 ระบาดรอบ 2



          ธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.) ประชุมนักวิเคราะห์ ครั้งที่ 2/2563 เพื่อพูดคุยในประเด็นเศรษฐกิจ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าฯธปท. ระบุถึงกรณีการแพร่เชื้อของโควิด-19 จากทหารอียิปต์ เชื่อว่า รัฐบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุข รับมือได้และไม่ต้องออกมาตรการควบคุมแรงเหมือนรอบแรก แต่หากเกิดการระบาดรอบ 2 ในไทย ธปท.ก็พร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมดูแลเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงิน พร้อมย้ำการออกมาตรการต่าง ๆ มีการพิจารณาและชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสีย เพราะทุกนโยบายไม่ฟรี



          ผู้ว่าฯธปท.ระบุว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุด เป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ และจะกลับมาฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3 พร้อมยืนยัน ธปท.ยังไม่หยุดใช้มาตรการดูแลเศรษฐกิจ แต่จะให้น้ำหนักไปที่การฟื้นฟูมากขึ้น และยืนยันไม่ใช้นโยบายประกาศพักชำระหนี้เป็นการทั่วไป เนื่องจาก อาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงินได้ และอาจกระทบต่อวินัยการเงิน เนื่องจากยังมีผู้ประกอบการหรือลูกหนี้บางรายที่ยังมีความสามารถผ่อนชำระหนี้และดอกเบี้ยได้ตามปกติ อีกทั้งสถาบันการเงินยังมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก 



          ขณะที่ตัวเลขปล่อยกู้ซอฟท์โลนวงเงิน 500,000 ล้านบาท ล่าสุดสามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 103,000 ล้านบาท แม้จะต่ำกว่าเป้าหมาย แต่เงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ 2 ช่วง คือ การเยียวยาและการฟื้นฟูหลังภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการได้ตามปกติ ซึ่ง ธปท.เตรียมขอขยายระยะเวลาใช้เงินดังกล่าวออกไปอีกหลังครบกำหนดเวลาสิ้นเดือนธันวาคม 2563 รวมทั้งการหาแนวทางการเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น เช่น การให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันเพิ่ม



เปิดลงทะเบียนแล้ว! “เราเที่ยวด้วยกัน” ชิงจองสิทธิ์ลดราคาที่พัก แถมรับเงินเที่ยว



          หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีระยะเวลาทำโครงการ 4 เดือน ตั้งแต่ 1 ก.ค.-31 ต.ค. 2563 ซึ่งโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เป็นการเปลี่ยนชื่อใหม่จากการรวมโครงการ "เราไปเที่ยวกัน" และ "เที่ยวปันสุข" ให้อยู่ในโครงการเดียว โดยมี 3 รายการย่อย คือ



- รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรมที่พัก 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน (ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน)



-สนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 ล้านใบ โดยผู้จองที่พักมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสาร ในลักษณะการจ่ายเงินคืนผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่ง



-จองที่พัก 1 ห้อง จะได้รับสิทธิ์บัตรโดยสารไม่เกิน 2 ใบ



          วิธีการลงทะเบียน "เราเที่ยวด้วยกัน" สำหรับประชาชน

1.ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com



2.ได้รับ sms แจ้งผลการลงทะเบียนสำเร็จ



3.ดาวน์โหลด + ติดตั้ง และยืนยันตัวตนบน App เป๋าตัง ซึ่งเป็น App หลักในการใช้จ่าย



4.จองห้องพักกับโรงแรม พร้อมชำระเงินส่วนประชาชน (ร้อยละ 60) ผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมหรือโทรสำรองห้องพักกับเจ้าหน้าที่โรงแรม หรือ Online Travel Agency (OTA) ที่เข้าร่วมโครงการ



5.ได้รับ voucher สำหรับ check-in โรงแรม



6.จองตั๋วเครื่องบินตามช่องทางปกติ และชำระเงินเต็มจำนวน (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน)



7.Check-in เข้าพักตามวันที่กำหนด (ในระหว่างการเข้าพักจะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวเป็นรายวันสำหรับใช้จ่ายในร้านอาหาร/สถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ)



8.Check-out



9.เข้าเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เพื่อกรอกข้อมูลสำหรับใช้สิทธิ์ค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน)



10.ได้รับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบินตามเงื่อนไข (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน ลงทะเบียนใช้สิทธิ์และปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ)



          อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อ 6, 9 และ 10 เฉพาะกรณีเดินทางโดยเครื่องบินซึ่งจะลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ เมื่อ check-out แล้ว เท่านั้น  ทั้งนี้ สำหรับคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน โดยเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 15 ก.ค. 2563 และสามารถใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 ต.ค. 2563



 

ข่าวทั้งหมด

X