ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563

13 กรกฎาคม 2563, 13:44น.


อย่าประมาท! การตรวจคัดกรอง 11 กลุ่ม ต้องมีรายละเอียดชัดเจน



          รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ คือ ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 43 ปี ลูกเรือเครื่องบินทหาร ชาวอียิปต์บินจากกรุงไคโรประเทศอียิปต์ ไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปปากีสถาน มาไทยและไปจีน จากนั้นเดินทางกลับมาที่ไทยอีกรอบ และเดินทางกลับไปอียิปต์แล้ว ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.-12 ก.ค. และมีการตรวจคัดกรองซ้ำและผลการตรวจพบเชื้อในวันที่ 12 ก.ค. แต่ได้เดินทางกลับไปแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ ข้อมูลแจ้งว่า ลูกเรือทุกนายมีรายละเอียด ตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ผลการตรวจไม่พบเชื้อ แต่ไม่มีวันเวลาในการตรวจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำคัญที่รัฐบาล ต้องขันน็อต กลไกการคัดกรอง กักตัว และติดตามให้เคร่งครัด เพราะมีโอกาสหลุดได้ หากเป็นหนึ่งใน 11 กลุ่มเป้าหมายที่เคยระบุไว้ให้เดินทางเข้ามาในประเทศได้ สิ่งที่ต้องรีบทำคือ การสอบสวนโรคในโรงแรมที่พัก และกักตัวคนที่มีประวัติสัมผัสกับการฝ้าสังเกตอาการ 14 วัน และตรวจซ้ำเป็นระยะ 



กมธ.งบฯ โควิด-19 เชิญ สศช.ชี้แจงงบประมาณฟื้นฟู 400,000 ล้าน



          นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำหนด 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เปิดเผยเรื่องความคืบหน้าวาระการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่ 3 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 400,000 ล้านบาท โดยเชิญเลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เข้าชี้แจง ทุกวันจันทร์ที่ประชุมจะพิจารณางบประมาณในส่วนที่ สศช.ดำเนินการ 400,000 ล้านบาท โดยกรรมาธิการฯ จะซักถามข้อมูลกับเลขาธิการ สศช.ที่เข้าชี้แจง ส่วนวันอังคาร จะพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนจากโรคโควิด-19 กรรมาธิการฯ จะพยายามร่วมกันหาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม



          สศช.วางกรอบในการพิจารณาโครงการตามงบประมาณจำนวนกว่า 45,000 โครงการ เพื่อเปลี่ยนวิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาส จำนวน 186 โครงการ ผ่านการพิจารณาไปแล้ว 2 โครงการ วงเงิน 22,400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการกำลังใจ และรอเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติอีก 5 โครงการ วงเงิน 15,520 ล้านบาท เช่น โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่จะต้องนำไปปรับปรุงและเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง จำนวน 179 โครงการ วงเงิน 54,480 ล้านบาท



เอกชน เน้นศูนย์ฟื้นฟูศก.เพิ่มการจ้างงาน-ช่วยSMEs



          กรณีที่ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาล จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งรูปแบบการปฏิบัติงานเช่นเดียวกันศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า เป็นแนวทางที่ดี เพราะรัฐบาลจะได้มีข้อมูลเศรษฐกิจที่มาจากหลายทาง โดยเฉพาะจะได้ข้อมูลโดยตรงจากภาคเอกชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดย 2 ประเด็นหลักที่ต้องเร่งดำเนินการหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น คือ เรื่องการจ้างงาน เพื่อช่วยเหลือให้คนมีงานทำ เพื่อให้มีจำนวนคนตกงานน้อยที่สุด และเรื่องการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs)  โดยเฉพาะเรื่องการเสริมสภาพคล่องและเงินทุน การจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  คาดว่า จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน  และมีการระดมความเห็นจากภาคเอกชนต่างๆ ซึ่งการฟังเสียงของภาคเอกชนดีอยู่แล้ว เพราะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เหมือนกับ ศบค.ที่มีแพทย์เข้ามาร่วมให้ข้อมูลแก้ปัญหาโรคโควิด-19



          นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ข้อเสนอภาคเอกชนตั้งศูนย์ฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 หากรัฐบาลตั้งจริง ถือเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยจะเห็นว่าที่ผ่านมาการทำงานของ ศบค. ถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและมีหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมด้วย ทำให้แก้ไขปัญหาได้ตรงประเด็นและรวดเร็ว ที่สำคัญจะมีการรายงานความคืบหน้าปัญหาต่าง ๆ แต่ละวัน ทำให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อีกทั้งการทำงานเป็นจุดเดียวกันไม่ซ้ำซ้อน  โดยส่วนตัวเห็นด้วยหากรัฐบาลจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 



ปักหมุด! 7 ที่เที่ยวไทย ฮ่องกง อยากมาเที่ยว



          เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์  ระบุว่า ไทยอาจเป็นที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของชาวฮ่องกง ทันทีที่มีการยกเลิกข้อจำกัดเรื่องโรคโควิด-19 และมีการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศ มีการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เงียบสงบในไทย 7 แห่ง พร้อมภาพถ่ายเป็นตัวเลือกให้ชาวฮ่องกงพิจารณา



-เขาหลัก จังหวัดภูเก็ต สถานที่ที่ไม่พลุกพล่านเหมือนที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นบนเกาะเดียวกัน มีชายหาด กิจกรรมทางน้ำ อุทยานแห่งชาติและตลาดนัดกลางคืน



-บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ป่าชายเลนที่กินพื้นที่กว้าง โอบล้อมด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถปั่นจักรยานท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจและสบายกระเป๋า มีโรงแรมให้เลือกหลายระดับ



-จังหวัดสุโขทัย เมืองหลวงของไทยเมื่อ 800 ปีก่อน โรงแรมและร้านค้าส่วนใหญ่เป็นของคนท้องถิ่น ไม่อิงกระแสท่องเที่ยวจนเกินไป เพราะสิ่งน่าสนใจส่วนใหญ่คือประวัติศาสตร์ 



-ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ รวบรวมมนต์เสน่ห์ภาคเหนือของไทยไว้อย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับคนชอบดูนก สำรวจถ้ำหินปูน หรือหาทางพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวสูง 2,225 เมตร



-สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ติดกับพรมแดนเมียนมา เป็นที่พักผ่อนเงียบสงบแห่งหนึ่งที่คนไทยนิยมไป จุดเด่นคือสะพานมอญ สะพานไม้ยาว 400 เมตร จุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม



-รอบหมู่เกาะสิมิลันและพีพีในทะเลอันดามัน



-เกาะจำ จังหวัดกระบี่  



แฟ้มภาพ



 

ข่าวทั้งหมด

X