ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563

13 กรกฎาคม 2563, 09:10น.


สธ.ชี้ไทยพ้นโควิด-19 ระลอกแรกแล้ว อย่าซ้ำรอยต่างประเทศ



         นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ประเทศไทยจะผ่านพ้นการระบาดในระลอกแรกไปแล้ว เนื่องจากไม่พบการติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 48 วัน และจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในอันดับที่ 100 ของโลก เนื่องจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชนที่ช่วยกันป้องกันตัวเองจากโรคโควิด-19 แต่สถานการณ์ทั่วโลกยังพบการระบาดเป็นวงกว้างอยู่ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด คือ สหรัฐฯ ตามด้วย บราซิล และ อินเดีย อีกหลายประเทศกลับมาพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนอีกครั้ง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เป็นต้น เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัด เช่น สถานบันเทิง



          นพ.โสภณ ขอให้คนไทยนำเหตุการณ์จากต่างประเทศมาเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย โดยยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเองจากเชื้อโควิด-19 ต่อไป และทำให้เป็นนิสัย ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข เตรียมความพร้อมทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดการระบาดระลอก 2 ในประเทศ



นักธุรกิจปากีสถาน พร้อมคนไทย เดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง  



          เมื่อวานนี้ มีคนไทยเดินทางกลับไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีชาวต่างชาติเดินทางมาด้วยเช่นกัน



-เมื่อเวลา 05.54 น. สายการบินกัลฟ์แอร์ เที่ยวบินที่ GF152 นำคนไทยในประเทศบาห์เรน จำนวน 251 คน จากกรุงมานามากลับสู่ประเทศไทย ในจำนวนนี้พบมีไข้ 11 คน ป่วยด้วยโรคประจำตัว 1 คน เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างละเอียด



-เวลา 07.08 น. สายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ WE8130 คนไทยเดินทางจากประเทศปากีสถาน 40 คน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ยูเอ็นชาวปากีสถาน 1 คนครอบครัวนักการทูตปากีสถาน จำนวน 4 คน และนักธุรกิจสัญชาติปากีสถาน จำนวน 24 คน เดินทางเข้าไทย ผู้ผ่านการตรวจคัดกรองโรค จะพักอยู่ที่สถานที่กักตัวที่รัฐกำหนด ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ นนทบุรี และชลบุรี ขณะที่สมาชิกครอบครัวนักการทูตปากีสถาน 4 คน ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเอกชนที่ร่วมโครงการเป็นสถานกักตัวทางเลือก (ASQ)



-เวลา 21.15 น. กลุ่มคนไทยในประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน 180 คน เดินทางจากกรุงมะนิลามาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD9288 ทั้งหมดหลังจากเข้ารับการคัดกรองและพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่นำผู้โดยสารทั้งหมดไปกักตัวที่โรงแรมในกรุงเทพฯ 



เร่งประสาน กต. ดูเรื่องหนังสือรับรองให้ชาวปากีสถานที่เอกสารไม่ครบ



          กรณีที่มีนักธุรกิจ สัญชาติปากีสถาน เดินทางเข้ามาไทยเมื่อช่วงเช้าวานนี้ ทั้งที่ ปากีสถานยังเป็นประเทศที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ค่อนข้างรุนแรงติดอันดับ 12 ของโลก จากการรายงานขององค์การอนามัยโลกช่วงหลังเที่ยงวันเดียวกันคือมียอดติดเชื้อใหม่ถึง 2,521 คน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสม 248,872 คน  เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตรวจสอบพบว่ามีชาวปากีสถานอย่างน้อย 10 คนจากทั้งหมด 24 คน เดินทางเข้าประเทศไทยตามสิทธิผ่อนปรนของรัฐบาลไทยที่อนุญาตให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ หากมีปัญหาเรื่องเอกสารเดินทางเข้าประเทศตามระเบียบของรัฐบาลไทยไม่ครบถ้วน ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือรับรองให้เป็นกรณีพิเศษ ไม่เช่นนั้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถอนุญาตให้ผ่านเข้าประเทศไทยได้



คุมเข้มชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก คุมตัวชาวจีน 16 คน ว่ายน้ำข้ามฝั่งมาจากเมียนมา



          การป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดน พ.ต.อ.ภูเบศ แสงอร่าม ผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก สั่งการให้ ร.ต.อ.สุรพันธ์ สีวิใจ รอง สวป.สภ.แม่สอด สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกลาดตระเวนบริเวณริมแม่น้ำเมย ชายแดนไทย-เมียนมา ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด เพื่อป้องกันการลอบ เข้าเมืองผิดกฎหมาย พบกลุ่มบุคคลจำนวนมากว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเมยมาจากฝั่ง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา เข้ามาฝั่งไทย ควบคุมตัวรวม 16 คน ทั้งหมดเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ลักษณะหิวโซเนื้อตัวมอมแมมมีหนังสือเดินทางเพียง 6 ราย ส่วนที่เหลืออ้างว่าถูกกระแสน้ำพัดหายไป นำตัวเข้าสู่การตรวจคัดกรอง สอบสวนทั้งหมดอ้างว่าทำงานในบ่อนกาสิโน ประเทศเมียนมา แต่กาสิโนทุกแห่งปิดจึงตกงานไม่มีเงินใช้อยู่ด้วยความยากลำบาก ตัดสินใจว่ายน้ำข้ามมาฝั่งไทย หวังติดต่อสถานทูตจีนเพื่อขอความช่วยเหลือ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำเข้าสู่การกักตัวจะผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไปวางลวดหนามสกัดต่างด้าวส่วนที่จุดตรวจชายแดน ต.14 บ้านแสง ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อมคณะตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจตาพระยา และชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว พร้อมเดินเท้าตรวจช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนจุดตรวจที่ ต.14 และ ต.15 ต.ทัพเสด็จ ที่ผ่านมามีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาและจับดำเนินคดีได้จำนวนมาก



          พล.ต.ธราพงษ์ เปิดเผยว่า เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กำชับการปฏิบัติให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น พร้อมสั่งการให้นำลวดหนามวางเป็นรั้ว 3 ชั้น ตลอดแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว เพราะมีผลต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แรงงานต่างด้าวอาจเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศไทยได้



 

ข่าวทั้งหมด

X