เสนอครม. พรุ่งนี้ ! ประกันรายได้"มันสำปะหลัง-ข้าวโพด"
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) 14 ก.ค.อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสําปะหลัง ปี2563/2564 โดยราคาและปริมาณประกันรายได้ เท่ากับปีที่ผ่านมาคือ
-โครงการประกันรายได้มันสําปะหลัง เชื้อแป้ง 25% กก.ละ 2.50 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 100 ตัน
-โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/2564 ที่ความชื้น 14.5% ราคา 8.50 บาท/กก. ปริมาณไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ และไม่ซ้ำแปลง
ขณะที่ โครงการประกันรายได้เกษตรกรช่วยครัวเรือนเกษตรกร รวมกันมากกว่า 7,200,000 ครัวเรือน ซึ่งจากนี้ไปจะเดินหน้าพัฒนาคุณภาพของผลผลิตและมีการปรับตัวทางด้านการตลาด-พาณิชย์ ซึ่งจะใช้กลไกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงพาณิชย์เดินหน้าวิสัยทัศน์"เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด" และใช้ยุทธศาสตร์"ตลาดนำการผลิต"
นักลงทุน ลุ้นทีมเศรษฐกิจ หากเป็นคนนอก ตลาดตอบรับเชิงบวก
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า เปิดเผยว่า นักลงทุนติดตามการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นเรื่องการลงทุน โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ จากการวิเคราะห์เบื้องต้นหากทีมเศรษฐกิจเป็นคนนอก ตลาดตอบรับเชิงบวกเพื่อลดความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ อาจทำให้ดัชนียืนเหนือ 1,400 จุดได้ แต่หากเป็นคนในพรรคและไม่เป็นคนที่รู้จัก ดัชนีจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,300-1,350 จุด แต่ถ้าเป็นคนในพรรคและเป็นที่รู้จักดัชนีจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,350-1,400 จุด
ตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาปรับลงแรงมากกว่าในภูมิภาค เนื่องจาก ไทยมีเรื่องการปรับครม. ซึ่งต้องรอดูทีมเศรษฐกิจว่าใครจะดำรงตำแหน่งใดบ้าง นอกจากนี้ปัจจัยที่ติดตามสัปดาห์นี้
-การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)
-การประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) คาดว่า อีซีบี จะเพิ่มขนาดโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19
-การประกาศงบประมาณของ บจ.ไตรมาส 2/2563
อดีตกรรมการ ธปท. เสนอนโยบายเร่งด่วนแก้ปัญหาส่งออกทรุดตัว
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าช่วงครึ่งปีหลังต้องเจอปัญหาการส่งออกที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเลิกจ้างจำนวนมาก การผิดนัดชำระหนี้และหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเสนอแนวทางแก้ปัญหา
-ธปท.ควรต่อมาตรการการเลื่อนชำระหนี้ที่กำลังสิ้นสุดลงประมาณเดือนต.ค.2563 โดยอาจต้องต่ออายุไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน
-ธปท.ควรสนับสนุนให้มีการเพิ่มทุนหรือมีมาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงิน การที่หนี้เสียในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เป็นสัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจ
-ธปท.บริหารอัตราแลกเปลี่ยนเชิงรุก เพื่อให้เงินบาทอ่อนค่าลง
-ธปท.อาจต้องพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีกในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไป
-ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ 400,000 ล้านบาท อย่างรวดเร็วแต่ต้องรอบคอบ มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล ตามเป้าหมาย
-ขยายการจ้างงานขนาดใหญ่และการช่วยเหลือกิจการต่าง ๆ ไม่ให้ปิดกิจการเพิ่มเติม
ชาวเวียดนาม แห่ซื้อสินค้าไทย ทำยอดขายกว่า 18 ล้าน ชอบผลไม้-เครื่องใช้ไฟฟ้า-เครื่องประดับ
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการจัดงานแสดงสินค้า Mini Thailand Week 2020 เมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 25-28 มิ.ย.ว่า การจัดงานครั้งนี้มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน 40 ราย 67 คูหา ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยได้รับความสนใจจากประชาชนในเมืองไฮฟองเป็นอย่างยิ่ง มีผู้เข้าชมงาน ในช่วง 4 วัน 120,000 คน มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าประมาณ 597,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 18 ล้านบาท สินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ผลไม้ไทย ดอกไม้ประดิษฐ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม พัดลมไอน้ำ เครื่องประดับ ของใช้ในบ้าน เช่น ยาสระผม ครีมอาบน้ำ ผงซักฟอก และน้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้า รองเท้า
น.ส.พรรณกาญจน์ เจียมสุชน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เวียดนาม กล่าวว่า ชาวเวียดนาม เชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า แม้จะมีราคาแพงกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่ผลิตจากจีนหรือเวียดนาม แต่เพราะสินค้าไทยมีความคุ้มค่าต่อราคา เช่น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า พัดลม พัดลม ไอน้ำ มีคุณภาพดี ทนทาน สำหรับสินค้าดอกไม้ประดิษฐ์ที่ทำจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ได้รับความนิยมมาก เนื่องจาก ชาวเวียดนามเหนือ นิยมประดับตกแต่งบ้านด้วยดอกไม้และจะซื้อพร้อมกับแจกันหรือภาชนะที่ผลิตจากธรรมชาติ สำหรับสินค้าที่ขายดีอีกประเภท ได้แก่ น้ำยาล้างอัญมณี เนื่องจากชาวไฮฟองเป็นคนมีฐานะดี มีทรัพย์สินในรูปอัญมณีอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะไม่นิยมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่จะนำออกมาใช้ในการออกงานสำคัญ จึงต้องการหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพทำความสะอาดอัญมณี
เมืองไฮฟอง เป็นเมืองที่มีความสำคัญรองจากกรุงฮานอย เนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญทางตอนเหนือมีประชากรกว่า 3,000,000 คน อาชีพส่วนใหญ่ ได้แก่ การบริการด้านการท่องเที่ยว การขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รายได้ เฉลี่ยต่อหัว 2,900-3,000 เหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันมีทางด่วน เชื่อมต่อระหว่างฮานอยและไฮฟอง ส่งผลให้การสัญจรระหว่างฮานอยและไฮฟอง รวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น