+++เกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่อง กลุ่มติดอาวุธโบโก ฮาราม ก่อเหตุลักพาตัวผู้หญิงและเด็กอย่างน้อย 185 คน และสังหารชาวบ้านกว่า 32 ศพ ขณะบุกโจมตีหมู่บ้าน กุมซูรี ทางเหนืองของเมืองชีบ็อค รัฐบอร์โน ประเทศไนจีเรีย กลุ่มมือปืนนั่งรถปิคอัพหลายคันมาก่อนเปิดฉากโจมตี เผาหมู่บ้าน ก่อนจะรวบรวมผู้หญิงและเด็กขึ้นรถและขับออกไป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ โดยเจ้าหน้าที่ทราบข่าวนี้ล่าช้าไป 4 วันเนื่องจากปัญหาระบบการสื่อสาร เพราะเสาสัญญาณโทรคมนาคมหลายแห่งได้รับความเสียหายจากเหตุความรุนแรง กลุ่มโบโกฮาราม ก่อความไม่สงบในภาคเหนือของประเทศไนจีเรียมาตั้งแต่ปี 2009 สังหารประชาชนและทหารไปแล้วอย่างน้อย 5,000 คน และก่อเหตุลักพาตัวมากมาย โดยครั้งที่เป็นที่โจษจันที่สุดคือการลักพาตัวนักเรียนหญิงมากกว่า 200 คนที่เมืองชีบ็อคเมื่อเดือนเม.ย. และจนกระทั่งปัจจุบันพวกเธอก็ยังไม่ได้รับอิสรภาพ
+++หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) เป็นเวลา 2 วัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน พร้อมแสดงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ เท่ากับเป็นการดับกระแสการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนจะถึงกลางปีหน้า ที่ประชุมเอฟโอเอ็มซี คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ฟเดอรัลฟันด์เรต เอาไว้ในระดับต่ำมากๆ ที่ ร้อยละ0.00 – 0.25 อย่างที่ได้ใช้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ทั้งนี้เป็นเรื่องที่คาดการณ์กันอยู่ทั่วไป
+++ขณะเดียวกัน เฟดปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯไปในทางที่ดีขึ้น โดยมองว่าในปีหน้า อัตราว่างงานจะลดลงเหลือร้อยละ 5.2 ส่วนอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวระหว่างร้อยละ 1.0-1.6 อัตราเติบโตน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.6-3.0ทั้งนี้เฟดได้ปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตในปีนี้ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.3-2.4 ด้วย
+++ถ้อยแถลงที่ผ่อนปรนมากกว่าที่คาดของเฟด ยืนยันว่าจะไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ราคาทองคำ ปิดบวกเล็กน้อย แต่ก็เป็นการขยับขึ้น 2 วันติดต่อกัน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 0.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,194.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากผลประชุมเฟด ขณะที่นักลงทุนมองข้ามความกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงาน ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 421.28 จุด ปิดที่ 17,778.15 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 48.34 จุด ปิดที่ 2,061.23 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 104.09 จุด ปิดที่ 4,748.40 จุด
+++ น้ำมันกลับมาร่วงลงอีกครั้งราวๆ 2 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี หลังยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของภาวะอุปทานล้นตลาด สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 2.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2009 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกน ลดลง 1.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++เศรษฐกิจรัสเซีย กำลังอยู่ในช่วงอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากค่าเงินรูเบิลยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เวลานี้ชาวรัสเซียแห่จับจ่ายสินค้ากันอย่างคึกคัก เนื่องจากคาดการณ์กันว่าอาจมีการขึ้นราคาสินค้าครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับค่าเงินรูเบิลที่ร่วงไม่หยุดในรอบ 2 วัน ขณะที่ สินค้าก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนบางช่วงต้องหยุดพักการขาย เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเมื่อไรเงินรูเบิลจะหยุดร่วง
+++บริษัทแอปเปิล ประกาศระงับการขายสินค้าออนไลน์ทุกประเภทในรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน หรือไอแพด เนื่องจากกำหนดราคาขายไม่ถูกแล้ว หลังแอปเปิลต้องประกาศขึ้นราคาสินค้ามาแล้วถึงร้อยละ 20 สถานการณ์ส่อเค้าเลวร้ายลงอีก เพราะประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯกำลังเตรียมลงนามผ่านกฎหมายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซียอีกรอบ เพื่อลงโทษที่รัสเซียแทรกแซงยูเครน ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและสหภาพยุโรป(อียู) ส่งผลให้เศรษฐกิจรัสเซียขณะนี้ย่ำแย่อย่างหนัก น้ำมันซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัสเซียได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากวิกฤติในครั้งนี้ คาดปีหน้าเศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัวราว ร้อยละ5
+++ล่าสุด อียู มีมติลงนามคว่ำบาตรอ่าวไครเมีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ผนวกเข้ากับรัสเซีย เป็นมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ โดยห้ามพลเมืองของยุโรปและบริษัทของยุโรปทำการค้าและลงทุนบนอ่าวไครเมีย มาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับในวันเสาร์นี้
+++ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เปิดการแถลงข่าวประจำปีในนามของรัฐบาล โดยเน้นประเด็นด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ซึ่งผู้นำรัสเซียเรียกความเชื่อมั่นจากทุกฝ่าย ด้วยการกล่าวว่าวิกฤติค่าเงินรูเบิลตกต่ำเป็นประวัติการณ์ในช่วงท้ายของปีจะกินระยะเวลาเพียงไม่นาน เนื่องจากมี ปัจจัยภายนอก เข้ามาเป็นตัวกระตุ้น แต่รัฐบาลจะสามารถฝ่าฟันออกจากสถานการณ์ดังกล่าว เบื้องต้นจะปฏิรูประบบเศรษฐกิจให้มีความหลากหลาย ยอมรับว่า ประเทศกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ขอยืนยันว่าธนาคารกลางมีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ ปริมาณเงินทุนสำรองในปัจจุบันอยู่ที่ราว 419,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 13.82 ล้านล้านบาท ) ซึ่งธนาคารกลางจะบริหารเงินเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังที่สุด แล้วผลลัพธ์ที่ตามมาจะไม่สูญเปล่า อย่างแน่นอน เพื่อให้ทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นและฟื้นตัวภายใน 2 ปี แต่จะพยายามให้เร็วกว่านี้
+++รัฐบาลไอร์แลนด์ชำระหนี้เงินกู้ ตามโครงการกอบกู้เศรษฐกิจ จำนวน 9,000 ล้านยูโร (ประมาณ 362,987 ล้านบาท) คืนแก่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งเป็นการจ่ายหนี้ก่อนถึงกำหนดหลายปี ทำให้ประหยัดค่าดอกเบี้ยได้เป็นจำนวนมาก และแสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจของไอร์แลนด์ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังต้องขอรับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) และไอเอ็มเอฟ นายไมเคิล นูแนน รัฐมนตรีคลังไอร์แลนด์ ขอบคุณหลายประเทศสมาชิกของอียู ที่อนุญาตให้ไอร์แลนด์ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนด ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษจากประเทศสมาชิกอื่นๆ ของอียู
+++สำนักข่าวเอพี รายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐฯว่า ที่ประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก อนุมัติให้ตำหนิสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ อิหร่าน และซีเรีย เกาหลีเหนือแสดงความโกรธเคืองต่อมติ ที่เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) นำเสนอสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของเกาหลีเหนือ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ยูเอ็นเอสซีกำหนดประชุมหารือเป็นครั้งแรกในวันจันทร์ (22 ธ.ค.) เพื่อกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเปียงยาง เกาหลีเหนือกล่าวว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ควรจะสอบสวนวิธีการสอบปากคำอันโหดร้ายทารุณ ต่อผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย โดยซีไอเอสหรัฐฯ มากกว่า ด้านผู้แทนของซีเรียและอิหร่านประท้วงมติ
+++หน่วยงานด้านสาธารณสุขของไต้หวัน มีคำสั่งให้บริษัทเหวย หลี่ ฟู้ด อินดัสเทรียล ผู้ผลิตอาหารชั้นนำ เรียกคืนสินค้าประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 รสชาติจากตลาด เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนของสารไดเมทิลเยลโล ซึ่งเป็นสารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ซองบรรจุเครื่องปรุง โดยบริษัทแถลงว่า จากการตรวจสอบภายในไม่พบว่ามีการปนเปื้อนดังกล่าว แต่จะปฏิบัติตามคำสั่งด้วยการเรียกคืนสินค้าตามมาตรการเฝ้าระวัง และขออภัยต่อผู้บริโภค อาหารปนเปื้อนในไต้หวันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างมากในสังคม โดยก่อนหน้านี้ คดีที่คนร้ายนำน้ำมันเหลือทิ้งจากท่อน้ำทิ้งตามร้านอาหาร มากรองและบรรจุภาชนะใหม่ขายส่งให้กับธุรกิจอาหารเกือบทั่วไต้หวัน เป็นเรื่องที่สร้างความตระหนกตกใจและส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารของไต้หวันอย่างมาก
+++ประชาชนราว 200 คน ในหมู่บ้านชูฝางยา มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ร่วมลงชื่อในคำร้องขับไล่เด็กชายคุนคุน (นามสมมติ) วัย 8 ปี ออกจากหมู่บ้าน เนื่องจากเขาเป็นผู้ป่วยได้รับเชื้อเอชไอวีจากมารดา หนึ่งในผู้ที่ร่วมลงชื่อคือปู่ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเขา ซึ่งเป็นไปตามความเห็นชอบของสมาชิกในหมู่บ้านที่อ้างว่าต้องการปกป้องความปลอดภัยด้านสุขภาพของคนอื่นๆ ในชุมชนคุนคุน ได้รับการวินิจฉัยว่ามีเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นสาเหตุของกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม หรือโรคเอดส์ เมื่อปี 2554 หลังเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อย โดยก่อนหน้านี้มารดาทิ้งเขาไปเมื่อปี 2549 และบิดาได้ขาดการติดต่อไปหลังรับทราบผลวินิจฉัยดังกล่าว ปล่อยให้เขาอยู่ในความดูแลของผู้เป็นปู่แต่เพียงลำพัง ท่ามกลางการรังเกียจของเพื่อนบ้าน ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงที่จะข้องเกี่ยวกับเขา และยังถูกกีดกันจากโรงเรียนในท้องถิ่นด้วย มีการรายงานเรื่องนี้ผ่านเว็บไซต์ ข่าวหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ของจีน ก็กลายเป็นประเด็กถกเถียงร้อนแรงอย่างมากในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนในวันนี้ ส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจและเห็นใจต่อสิ่งที่เด็กชายคุนคุนต้องเผชิญ ขณะที่บางคนกล่าวว่า พฤติกรรมเช่นนี้ของชาวบ้านแสดงถึงความตื่นตระหนกที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์