รองศาสตราจารย์คาซูนาริ โอนิชิ จากมหาวิทยาลัยนานานาชาติเซนต์ลุค ในญี่ปุ่น ทำการทดสอบหน้ากากประเภทต่าง ๆ จากประสิทธิภาพการป้องกันการแพร่เชื้อผ่านทางอากาศ หรือ airborne และพบว่า หน้ากากผ้ามีอัตราผ่านของเชื้อโรคได้ 100% ทั้งเชื้อโรคที่ลอดผ่านผ้าที่ทำหน้ากากและผ่านช่องว่างระหว่างหน้ากากกับใบหน้า
ส่วนหน้ากากอนามัยที่ทำจากแผ่นใยสังเคราะห์ที่ไม่ถักทอ มีอัตราผ่านของเชื้อโรค 50% ถ้าหากใส่กระชับแนบสนิทหน้า แต่ถ้าใส่อย่างหลวมๆ เชื้อโรคก็จะ ผ่านได้ 100%
การทดสอบประสิทธิภาพการปกป้องของหน้ากาก ทำโดยวัดจำนวน อนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมโครเมตรในอากาศ เทียบกับจำนวนอนุภาคในพื้นที่ ระหว่างหน้ากากกับใบหน้า โดยทดสอบกับหน้ากากหลายประเภททั้งหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยใยสังเคราะห์ หน้ากากกันฝุ่น หน้ากากมาตรฐาน N95 รวมทั้ง “หน้ากากอาเบะ” ที่รัฐบาลญี่ปุ่นแจกให้กับทุกครัวเรือน
รศ.โอนิชิ กล่าวว่า ความแตกต่างของหน้ากากแต่ละประเภทนอกจากเพราะวัสดุที่ใช้แล้ว สิ่งสำคัญคือ วิธีการสวมใส่ หน้ากากมาตรฐาน N95 มีเชื้อไวรัสลอดผ่านได้เพียง 1% ถ้าใส่อย่างถูกต้อง แต่ถ้าใส่ไม่ถูกต้องเชื้อไวรัสจะลอดผ่านได้ 6%
ส่วนหน้ากากอนามัยแบบไม่ถักทอซึ่งผ่านการทดสอบประสิทธิภาพของแผ่นกรอง มีโอกาสที่ไวรัสลอดผ่านได้ 52% แต่หน้ากากที่ไม่มีการทดสอบแผ่นกรอง มีโอกาสที่ไวรัสลอดผ่านได้ 81% แต่ถ้าสวมใส่แบบหลวมๆ ไม่กระชับใบหน้าจะสกัดกั้นเชื้อไวรัสไม่ได้เลย การสวมหน้ากากอย่างถูกต้องมีความสำคัญมากไม่ว่าจะเป็นหน้ากากแบบไหนก็ตาม จุดที่สำคัญคือต้องไม่มีช่องว่างระหว่างหน้ากากกับใบหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้หน้ากากผ้าไม่สามารถป้องกันไวรัสที่แพร่ผ่านทางอากาศได้ แต่การสวมหน้ากากสามารถป้องกันการติดเชื้อจากฝอยละอองจากการไอ จาม และยังช่วยให้ผู้สวมไม่ใช้มือไปจับจมูกและปาก ลดการติดเชื้อจากการสัมผัสได้
นอกจากนั้น แม้จะสวมหน้ากากแล้วก็ต้องไม่ประมาท คิดว่าหน้ากากจะป้องกันเชื้อไวรัสได้ทั้งหมด เราก็ต้องไม่ละเลยในการรักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือสม่ำเสมอ ไม่จับต้องสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น