ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น. วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม 2563

09 กรกฎาคม 2563, 08:50น.


นายกฯ เน้นจ้างงาน โครงการฟื้นเศรษฐกิจระยะที่ 1



          พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เน้นการจ้างงานในโครงการระยะที่ 1 วงเงิน 100,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 400,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เนื่องจาก บางธุรกิจไม่สามารถประกอบกิจการได้ สินค้าส่งออกไม่ได้ เพราะความต้องการจากต่างประเทศลดลง เป็นเรื่องของห่วงโซ่การตลาด และสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งวันนี้ได้มีการเร่งรัดการส่งออกผลไม้ ทั้งทางบก ทางเรือ และมีการพัฒนาเรื่องด่านให้สามารถดำเนินการเรื่องการขนส่งได้ โดยได้หารือกับประเทศเพื่อนบ้าน และทราบจากกระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นไปได้ด้วยดี



          รัฐบาลได้กำชับทุกหน่วยงานจัดทำงบประมาณในการจ้างงาน ถ้าไม่เพียงพอรัฐบาลก็จะหามาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติมลงไป รัฐบาลจำเป็นต้องปรับกลไกให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน



จีน เปิดด่านเมืองผิงเสียง นำเข้าผลไม้ไทย



          น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรฯ กับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ ผ่านไปยังประเทศที่ 3 ระหว่าง ไทย-จีน  เพื่อเปิดทางให้ผลไม้ไทยส่งออกไปจีน ผ่านเส้นทางจากด่านมุกดาหารเข้าสู่จีนตอนใต้ บริเวณด่านโหย่วอวี้กว่าน เมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (เส้นทางR9) รวมทั้งกำหนดเส้นทางขนส่งผลไม้จากไทยไปจีน และจากจีนมายังไทยผ่านด่านเชียงของ และด่านโม่หาน มณฑลอยู่นาน (จีนตะวันตก) (เส้นทาง R3) รวมทั้งการกำหนดมาตรการกักกันโรคและตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง



          ปัจจุบันไทยส่งออกผลไม้ไปจีนจำนวนมากในฤดูกาลผลไม้  ขณะที่ด่านชายแดนจีนอนุญาตให้นำเข้าอย่างจำกัด ส่งผลให้เกิดปัญหารถติดสะสมหน้าด่านนำเข้า สร้างความเสียหายต่อคุณภาพและราคาของผลไม้ไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงเจรจาผลักดันให้จีนเปิดด่านนำเข้าผลไม้และเส้นทางในการขนส่งผลไม้จากไทยเพิ่มเติม และฝ่ายจีน เห็นชอบแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการลงนามในพิธีสารฉบับใหม่แต่เนื้อหาเหมือนเดิมที่ได้เคยลงนามมาแล้วเมื่อปี  2552 และ 2554 แต่ได้ระบุให้ฝ่ายจีนเพิ่มด่านนำเข้าผลไม้จากไทยและอนุญาตให้ฝ่ายไทยใช้เส้นทางใดก็ได้ในการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกของไทย โดยผลไม้ที่นำเข้าและส่งออกของทั้ง 2 ฝ่าย ต้องเป็นผลไม้ที่ได้รับอนุญาตระหว่างกันโดยจะต้องจัดส่งข้อมูลทะเบียนรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุ ต้องสุ่มเก็บตัวอย่างของผลไม้เพื่อตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยเมื่อสินค้าเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด การห้ามมิให้มีการเปิดตู้ผลไม้ระหว่างการขนส่งผ่านประเทศที่ 3



          การส่งออกผลไม้ไทยไปจีนผ่านด่านโหย่วอวี้กว่าน เมื่อปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 580,764 ตัน มูลค่า 28,220 ล้านบาท คาดว่า จะลงนามหลังจากผ่านช่วงโควิด-19 แต่ขณะนี้ทางการจีนได้อนุโลมให้ไทยทำการขนส่งผลไม้ได้ตามข้อตกลงใหม่ไปแล้ว



ก.คลัง เร่งรัด "คนสละสิทธิ" คืนเงินในโครงการเราไม่ทิ้งกัน



          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือให้ผู้แสดงความประสงค์สละสิทธิมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ที่ยังไม่ได้คืนเงิน ให้เร่งคืนเงินที่ได้รับไปเต็มจำนวนให้กระทรวงการคลังอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การสละสิทธิเสร็จสมบูรณ์ โดยสามารถคืนได้ผ่านเว็บไซต์www.เราไม่ทิ้งกัน.com ผ่านเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารใดก็ได้ หรือนำหนังสือที่ได้รับไปติดต่อที่สาขาของธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ ปัจจุบันมีผู้สละสิทธิรับเงินโครงการเราไม่ทิ้งกันแล้ว 10,121 ราย ในจำนวนนี้มีผู้คืนเงินให้กระทรวงการคลังครบถ้วนแล้ว 2,455 ราย คงเหลือผู้ที่ยังไม่คืนเงิน 7,666 ราย คลังจึงทำหนังสือแจ้งให้กลุ่มผู้สละสิทธิมาตรการเยียวยา 5,000 บาท มาเร่งคืนเงินเยียวยาที่ได้รับไปแล้วทั้งหมดกลับคืน โดยหลังจากมีหนังสือออกไปแล้ว ณ วันที่ 7 ก.ค.63 มีผู้คืนเงินเพิ่มแล้ว 84 ราย ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยากมากที่การยื่นความประสงค์สละสิทธิมาตรการเยียวยา 5,000 บาท จะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจหรือมีผู้อื่นดำเนินการแทนโดยที่เจ้าตัวไม่รับทราบหรือยินยอม เนื่องจากการสละสิทธิจะต้องทำผ่านเว็บไซต์www.เราไม่ทิ้งกัน.com จะต้องระบุข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้ในการลงทะเบียน รวมทั้งมีการยืนยันตัวตนผ่านรหัสโอทีพีที่ถูกส่งไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการลงทะเบียนอีกด้วย



ผู้เสียหายร้อง ปอท. ถูกเพจ “จีจี้ ปีโป้” ตุ๋นขายทองราคาถูก



          ผู้เสียหายจำนวนกว่า 10 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “จีจี้ ปีโป้” ที่ตั้งกลุ่มเพจ ประกาศชักชวนหลอกซื้อขายทองคำรูปแบบต่างๆ โดยอ้างว่าสามารถจำหน่ายทองคํารูปพรรณให้ได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่เมื่อผู้ซื้อได้รับทองคำกลับพบว่ามีคุณภาพไม่ได้ตามที่โฆษณาไว้ เช่นสั่งซื้อสร้อยคอทองคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ กลับได้ทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96 เปอร์เซ็นต์ บางรายมีการสั่งซื้อสินค้าแต่ไม่ได้ของ และเมื่อผู้เสียหาย ไม่พอใจในสินค้า ขอขายคืนก็จะหักเงินจากมูลค่าที่ซื้อขาย 30 เปอร์เซ็นต์ หากยกเลิกรายการก็จะคิดค่าดำเนินการอีก 15 เปอร์เซ็นต์ แม้ผู้เสียหายไม่ยินยอม แต่ก็ถูกหักเงินจากยอดเงินที่โอนคืนมาทันที



          ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้พยายามติดต่อไปยังผู้ต้องหาแต่กลับได้รับการบ่ายเบี่ยงและบล็อก facebook ของผู้เสียหายทั้งหมดจนไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ได้มีการแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ของผู้เสียหายแต่ละคนไว้เรียบร้อยแล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงเข้ามาแจ้งความกับ ปอท. ให้ช่วยดำเนินคดีกับคนร้าย



          ขณะที่ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า หลังเกิดเหตุมีบุคคลลึกลับส่งแอคเคาท์ไลน์มาหาผู้เสียหายเมื่อเปิดเข้าไปดูและกดยอมรับพบว่าใช้ภาพพ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ ปอท. เป็นรูปโปรไฟล์ โดยมีการใช้ข้อความต่อรอง หรือ เสนอให้ความช่วยเหลือทางคดี แลกกับให้ผู้เสียหายถอนแจ้งความ บางรายถึงขนาดมีการเสนอขายทองราคาถูก ซึ่ง พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ได้รับทราบเรื่องและดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้ว



 

ข่าวทั้งหมด

X