ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม 2563

07 กรกฎาคม 2563, 09:03น.


แบนใช้ลิงเก็บมะพร้าว! รมว. พณ. ยอมรับกระทบส่งออกในอังกฤษ 30%



          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจง กรณีห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศร่วมกันแบนกะทิกล่องและผลิตภัณฑ์ต่างๆจากมะพร้าวที่นำเข้าจากไทย หลังจากองค์กรพิทักษ์สัตว์ PETA เปิดเผย มีการใช้ลิงเก็บมะพร้าวที่ถือเป็นการทรมานสัตว์



- ผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากไทย ผลผลิตในปี 2562 ประมาณ 788,000 ตัน และมีโรงงานแปรรูป 15 โรงงาน ทั้งหมดเป็นกะทิ 113,000 ตัน ซึ่งร้อยละ 70 บริโภคในประเทศ ที่เหลือคือการส่งออกที่จำเป็นต้องนำมะพร้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติมด้วย



-การส่งออกจากผลิตภัณฑ์มะพร้าวมี 2 ชนิด คือ กะทิ กับมะพร้าวอ่อน ซึ่งที่เป็นประเด็นคือ กะทิ 12,300,000 บาท ส่งออกไปยังยุโรปร้อยละ 18 คือ อังกฤษร้อยละ 8 มูลค่า 1,000 ล้านบาท



-ตลาดกะทิ ร้อยละ 100 ในอังกฤษ แบ่งเป็นร้านอาหารของคนเอเชียร้อยละ 70 ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ที่มีผลกระทบคือ ร้านอาหารของชาวยุโรป ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 30



          นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาคือมีความเข้าใจคาดเคลื่อนว่าไทยใช้แรงงานลิงเก็บมะพร้าว เคยหารือกับผู้ประกอบการกะทิมาก่อนหน้านี้ ได้รับการชี้แจงว่าการใช้ลิงเก็บมะพร้าว ใช้ในเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมากกว่ามีการฝึกมีการอนุรักษ์ ไม่ปรากฎว่าใช้ลิงเก็บมะพร้าวในภาคอุตสาหกรรม แต่ใช้ทั้งคนและเครื่องมือในการเก็บมะพร้าว ซึ่งวิถีชีวิตในเชิงท่องเที่ยวอาจไปปรากฏในคลิป วันที่ 8 ก.ค. มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเชิญผู้ประกอบการผลผลิตจากมะพร้าวมาหารือกัน หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อชี้แจงกับประเทศที่นำเข้ากะทิ ที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ และยังมีแผนงานเชิญทูตอังกฤษ สหภาพยุโรป(อียู) และประเทศที่สงสัยไปดูการเก็บมะพร้าวของจริง



CR:ประชาสัมพันธ์ จ.สราษฎร์ธานี,NBT  



"อุตตม"สั่งลดภาษีสรรพสามิตอุ้มธุรกิจ-จ้างแรงงาน



          นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง สั่งการให้กรมสรรพสามิตใช้มาตรการทางภาษีเยียวยาฟื้นฟูและอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ดังนี้



1.รถยนต์ (ประเภทรถยนต์นั่งสามล้อแบบพลังงานไฟฟ้า)เพิ่มพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งสามล้อแบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์นั่งสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วยกระตุ้นการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการจ้างงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยกำหนดให้เสียภาษีตามมูลค่าร้อยละ 2 จากเดิมร้อยละ 4



2.เครื่องดื่มน้ำผลไม้และน้ำพืชผักที่มีการเติมสารอาหารและสารอื่นแก้ไขอัตราส่วนผสมของน้ำผลไม้และน้ำพืชผักที่มีการเติมสารอาหารหรือสารอื่นจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 10 เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่ม โดยคำนึงถึงนวัตกรรมในปัจจุบัน และผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคสินค้าเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ



3.สนับสนุนให้สถานบริการคงปริมาณการจ้างงานเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างไม่ให้ตกงาน สถานบริการที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีปริมาณการจ้างงานเท่ากับก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะได้รับสิทธิเสียภาษีอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 ของรายรับของบริการจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยวและบริการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน 



4.ขยายเวลาการบังคับใช้อัตราภาษีปัจจุบันของบุหรี่ซิกาแรตและยาเส้นออกไปถึงวันที่ 30 ก.ย.2564 และเลื่อนการบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ของบุหรี่ซิกาแรตและยาเส้นออกไป โดยให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบและยาเส้นและเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบและยาเส้นได้รับการเยียวยาจากปัญหาการขาดสภาพคล่องที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว



5.ขยายเวลาในการส่งสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีออกนอกราชอาณาจักรหรือนำเข้าไปในเขตปลอดอากรจากเดิมภายใน 15 วันและขยายได้อีก 15 วันรวมทั้งหมดไม่เกิน 30 วัน เปลี่ยนเป็นภายใน 30 วันและขยายได้อีก 30 วันรวมถึงขยายได้หากมีความจำเป็นอีก 60 วันรวมทั้งหมดไม่เกิน 120 วัน พร้อมทั้ง ขยายเวลาในการส่งเอกสารหลักฐานจากเดิมภายใน 60 วันและขยายได้อีก 60 วันรวมทั้งหมดไม่เกิน 120 วันเปลี่ยนเป็นภายใน 90 วันและขยายได้หากมีความจำเป็นอีก 60 วันรวมทั้งหมดไม่เกิน 150 วัน



กยศ.เพิ่มวงเงิน3.4หมื่นล.รับเปิดเทอม ให้นร.-นศ.กู้ช่วงโควิด-19



          นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ในการเปิดเรียนภาคการศึกษา 2563 เดือน ก.ค. 2563 กยศ.ได้เตรียมวงเงินสำหรับปล่อยกู้ยืมให้ผู้ปกครองนำไปใช้จ่ายดูแลลูกหลานในการศึกษาเล่าเรียน 34,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปล่อยกู้ 28,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องกู้ยืมมากขึ้น ในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด มีผลกระทบในการหารายได้และภาวะเศรษฐกิจ



          ผู้ปกครองมีลูกหลานเรียนอยู่ในระดับ ม.ปลาย ปวช. ปวส. อนุปริญญาตรี จนถึงปริญญาตรี ไม่ต้องกังวลใจไปว่าจะต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน เพราะ กยศ. พร้อมเป็นแหล่งเงินกู้ยืมช่วยเหลือประชาชนเพื่อใช้ในการศึกษาเล่าเรียน โดยได้เตรียมวงเงินสำหรับปล่อยกู้มากขึ้นจากปีก่อน6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด และคิดดอกเบี้ยต่ำเพียงร้อยละ 1 ต่อปี อีกทั้งหลังจบการศึกษายังปลอดหนี้ใน 2 ปีแรก และผ่อนชำระได้ยาวถึง 15 ปี



          นายชัยณรงค์ กล่าวว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2563 ยังได้เห็นชอบให้มีการปรับกำหนดการกู้ยืมในปีการศึกษา 2563 ใหม่  เพื่อให้สอดคล้องกับการเลื่อน เปิด-ปิด ภาคเรียนของสถานศึกษา จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19  สำหรับสถานศึกษาทั่วไป ในภาคเรียนที่ 1 ขอให้ผู้กู้ยืมเงินรายใหม่ลงทะเบียนขอรหัสล่วงหน้าได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ส.ค.2563 ส่วนผู้กู้ยืมรายเก่าไม่จำเป็นต้องยื่นลงทะเบียน และสามารถยื่นแบบขอกู้ยืมเงินผ่านระบบ E-Studentloan ได้จนถึง 30 ก.ย.2563 จากนั้นสถานศึกษาประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกให้กู้ยืมไม่เกิน 31 ต.ค.2563



น้ำมัน-หุ้นดาวโจนส์ พุ่งขึ้น หวังว่า จีน ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ได้



ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันในตลาดต่างประเทศ



-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2 เซ็นต์ ปิดที่ 40.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 30 เซ็นต์ ปิดที่ 43.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 



          ตลาดน้ำมัน ได้รับแรงหนุนจากความหวังว่า จีน ชาติผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกสามารถฟื้นตัวอย่างช้าๆจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นักลงทุน เชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเมื่อเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 58.4 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี

          ความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับกิจกรรมภาคบริการที่ดีขึ้นในสหรัฐฯในเดือนมิ.ย. ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรง ข้อมูลของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 จากระดับ 45.4 เดือนพ.ค.โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่หลายรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่ต้องล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 ชี้ว่า ภาคบริการซึ่งคิดเป็นสองในสามของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้กลับเข้าสู่ภาวะขยายตัวแล้ว หลังจากเมื่อเดือน เม.ย. ร่วงลงไปแตะระดับ 41.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี

-ดาวโจนส์ พุ่งขึ้นกว่า 450 จุด นักลงทุนมองข้ามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 459.67 จุด หรือร้อยละ 1.78 ปิดที่ 26,287.03 จุด



-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 49.71 จุด หรือร้อยละ 1.59 ปิดที่ 3,179.72 จุด



-แนสแดค เพิ่มขึ้น 226.02 จุด หรือร้อยละ 2.21 ปิดที่ 10,433.65 จุด

          ราคาทองคำ ปิดตลาดวันจันทร์ ปิดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ได้ปัจจัยหนุนจากดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 3.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,793.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์



 

ข่าวทั้งหมด

X