เตือนภัย! กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองที่มองโกเลียใน
หลังจากปลายปีที่แล้ว เมืองบายานเนอร์ ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของจีนพบผู้ป่วยกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองอย่างน้อย 4 คน 2 คนมีอาการของกาฬโรคปอด
คณะกรรมาธิการสาธารณสุขประจำเมืองบายานเนอร์ เตือนภัยด้านสาธารณสุขระดับ 3 เรื่องกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นประเภทของกาฬโรคที่พบบ่อยที่สุด หลังจากที่พบคนไข้คนแรกของประเทศจีนแล้ว มีอาชีพล่าสัตว์ ขณะนี้พักรักษาตัวในห้องแยกโรคของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในย่านอูรัด มิดเดิล แบนเนอร์ อาการทรงตัว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีน กำลังตรวจสอบรายละเอียดของการติดเชื้อ การเตือนภัยดังกล่าวครอบคลุมการห้ามล่าสัตว์และรับประทานเนื้อสัตว์ที่ต้องสงสัยเป็นพาหะนำโรค ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ชนิดฟันแทะ และขอให้ประชาชนที่มีอาการไข้หรือพบเห็นผู้ที่มีอาการไข้โดยไม่ทราบสาเหตุรีบรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำชุมชนทันที
กาฬโรคเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่แพร่จากสัตว์สู่คน ผ่านละอองฝอยขนาดเล็กมาก เช่น ละอองเสมหะ การสัมผัสโดยตรงกับพาหะนำโรคที่ส่วนใหญ่คือหนู กระรอก และสัตว์ฟันแทะอีกหลายชนิด การรับประทานอาหารหรือนำสิ่งที่ปนเปื้อนเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย โรคกาฬโรคเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย
องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้กาฬโรคเป็นโรคติดต่ออันตราย หากพบผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยป่วยต้องรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศนั้นให้เร็วที่สุดและแจ้งให้WHOทราบด้วย ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันกาฬโรคที่มีประสิทธิภาพ การรักษาผู้ป่วยทันทีเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
WHO ยังไม่แสดงท่าที หลังกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ยันเชื้อโควิด-19 เป็น Airborne
WHO ยังไม่ได้แสดงความเห็น เกี่ยวกับจดหมายเปิดผนึกของนักวิทยาศาสตร์ 239 คน จาก 32 ประเทศทั่วโลก ที่ยืนยันว่ามีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในละอองฝอยขนาดเล็กจากการไอหรือจาม สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน จนสามารถติดต่อไปยังบุคคลอื่นที่หายใจเอาละอองฝอยขนาดเล็กที่มีเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ และเรียกร้องให้ WHO ทบทวนการให้คำแนะนำใหม่ในเรื่องนี้ และยอมรับว่าเชื้อโควิด-19 สามารถแพร่ติดต่อได้ใน Airborne (แอร์บอร์น) หรือ การติดเชื้อผ่านทางอากาศ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ WHO ระบุว่า เชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่แล้วสามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ผ่านทางละอองฝอยทางปากหรือจมูกเท่านั้น เมื่อมีคนที่ติดเชื้อโควิด-19 มีการไอ จาม หรือพูด
สั่งปลด! 2 จนท.เมียนมา ไม่รับผิดชอบเหตุเหมืองหยกถล่ม
เหตุดินถล่มจากพายุในฤดูมรสุมไหลทับฝังคนงานเหมืองหยกในเมืองพะขันต์ รัฐกะฉิ่น ทางตอนเหนือของเมียนมา ทำให้คนงานเหมืองเสียชีวิต 174 ราย ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นแรงงานยากจนเดินทางไกลเพื่อเข้าไปทำงานหาแร่มีค่าในเหมืองเปิดที่อาจจะหลงเหลือมาจากการทำเหมืองของบริษัทขนาดใหญ่ ทำให้กองทัพเมียนมา สั่งปลด เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คน คือ พ.อ.เนย์ ลิน ตุน เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและสั่งชายแดนของรัฐกะฉิ่น กับอีกหนึ่งคนเป็นระดับผู้บังคับการทหารแต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อ พลจัตวาซอว์ มิน ตุน โฆษกกองทัพเมียนมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนจะต้องรายงานเรื่องการบุกรุกละเมิดพื้นที่เขตหวงห้าม แต่พวกเขาไม่แสดงความรับผิดชอบจึงต้องปลดออกจากตำแหน่ง กองทัพจะดำเนินการสอบสวนและดำเนินการอย่างเหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ทั้ง2 คน
ฝนตกหนักซ้ำอีก! พื้นที่บนเกาะคิวชูที่ถูกน้ำท่วม-ดินถล่ม
ชาวญี่ปุ่น ยังต้องติดตามสถานการณ์ฝนตก น้ำท่วม ดินถล่ม ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น (JMA) ออกคำเตือนเรื่องฝนตกหนักในระดับสูงสุด ในพื้นที่จังหวัดฟุกุโอกะ นางาซากิ และซากะ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในภูมิภาคคิวชู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
ส่วนการเกิดน้ำท่วมและดินถล่มในจังหวัดคุมาโมโตะ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 49 รายแล้ว ผู้เสียชีวิตมากกว่าสิบรายมาจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำคุมะ ซึ่งมีน้ำเอ่อล้นและทำให้เกิดน้ำท่วม ทีมกู้ภัยยังคงทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยชีวิตคนที่ยังคงสูญหายอีกนับสิบรายมีการอพยพประชาชนราว 254,000 คน จาก 117,000 ครัวเรือน ในจังหวัดคุมาโมโตะ มิยาซากิ และคาโกชิมะ นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลช่วยชีวิตและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
เข้มงวด! ไม่ให้ประกัน ผู้ต้องหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงของจีน
ผู้พิพากษาศาลแขวงในฮ่องกงไม่ให้ประกันตัวชายวัย 23 ปี ถูกตั้งข้อหาแบ่งแยกดินแดนและก่อการร้าย หลังจากคลิปที่โพสต์ออนไลน์เห็นเขาขี่จักรยานยนต์พุ่งชนตำรวจหลายนาย ระหว่างประท้วงเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ตรงกับวันครบรอบ 23 ปีที่ฮ่องกงกลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของจีน ท้ายรถของเขาติดธงสีดำมีคำภาษาจีนและอังกฤษว่า “ปลดแอกฮ่องกง ปฏิรูปช่วงเวลาของเรา” ทางการฮ่องกง ระบุว่า คำประท้วงนี้มีความหมายเท่ากับการแบ่งแยกดินแดนหรือการล้มล้างตามที่บัญญัติว่าเป็นความผิดตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีไปเป็นวันที่ 6 ต.ค.
ด้านนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหววัย 23 ปี ขึ้นศาลให้การในคดีชุมนุมประท้วงเมื่อปีที่แล้ว พร้อมทั้งไม่รับผิดในสามข้อหา ประกอบด้วยยุยง จัดการ และเข้าร่วมการชุมนุมผิดกฎหมาย ขณะที่ นส.แอกเนส โจว วัย 23 ปี ให้การรับผิดทุกข้อหา ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีทั้งคู่ไปเป็นวันที่ 5 ส.ค.