สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในประเทศญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโตเกียว รายงานว่า ในวันที่ 26 มิถุนายน 2563 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 82 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในญี่ปุ่น เพิ่มเป็น 18,212 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 971 ราย แบ่งเป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
(1) กรุงโตเกียว 5,943 คน
(2) จังหวัดโอซากา 1,812 คน
(3) จังหวัดคานากาวะ 1,442 คน
(4) จังหวัดฮอกไกโด 1,216 คน
(5) จังหวัดไซตามะ 1,071 คน
สำหรับวันที่ 25 มิถุนายน 2563 กรุงโตเกียวมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 48 คน โดย 28 คน หรือร้อยละ 60 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดมีอายุระหว่าง 20-30 ปี / 21 คนเป็นลูกค้าหรือพนักงานสถานเริงรมย์ยามค่ำคืน / 13 คนติดเชื้อจากบุคคลในครอบครัว และวันที่ 26 มิถุนายน 2563 กรุงโตเกียวมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 54 คน โดยจำนวน 40 คน หรือร้อยละ 74 อยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี / 26 คนเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้ว และ 28 คน ไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อ
ส่วนในเมืองโอตารุ จังหวัดฮอกไกโด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 6 คน โดยทั้งหมดเป็นลูกค้าและผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อจากร้านคาราโอเกะที่เปิดในช่วงกลางวันในเมืองโอตารุ
ผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัย Tohoku Medical & Pharmaceutical University ลงความเห็นว่า การที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,500 คนในช่วง 1 เดือนมานี้ ทำให้เชื่อได้ว่า เชื้อไวรัส COVID-19 ไม่น่าจะหายไปได้โดยง่าย และหากยังพบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ภายในประเทศ ชาวญี่ปุ่นอาจยังต้องใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อไวรัส COVID-19 ไปอีกระยะหนึ่ง
ส่วนการพัฒนาวัคซีน ล่าสุด บริษัท ผลิตยาของญี่ปุ่น Anges จะเริ่มทำการทดลองวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสฯ ในคน หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรงพยาบาล Osaka City University โดยจะเริ่มทดลองในบุคลากรทางการแพทย์ 20-30 คน หากได้ผลดี จะขยายกลุ่มทดลองขึ้นเป็น 400 คน และหากวัคซีนประสบความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย บริษัทฯ จะเตรียมขออนุมัติการผลิตและจำหน่ายวัคซีนภายในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า