ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563

"เบนซ์ เรซซิ่ง" ได้ประกันตัว ส่งฟ้องศาลวันนี้

           เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง อนุญาตให้ประกันตัวนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง หลังจากที่แม่นำหลักทรัพย์เป็นเงิน 40,000 บาท มายื่นประกันตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังยื่นประกันตัวกลุ่มเพื่อนของเบนซ์ อีก 6 คนในหลักทรัพย์ที่เท่ากัน รวมเป็นเงินกว่า 280,000 บาท เบนซ์ เรซซิ่ง ถูกจับกุมตั้งแต่เมื่อคืนวันพฤหัสฯ ถูกแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.จราจร และ ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)  เนื่องจากขับรถจักรยานยนต์มาเป็นกลุ่มบนถนนวิภาวดีรังสิต ในช่องทางด่วน แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ออกมาซิ่ง เป็นการขับรถกลับบ้านเป็นกลุ่มเท่านั้น

           พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผู้กำกับการ สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า ผู้ต้องหาทุกคนถูกสอบสวนและทำประวัติเสร็จแล้ว จึงอนุญาตให้ประกันตัวกลับไป และได้นัดนำตัวทั้งหมด  ส่งฟ้องที่ศาลแขวงดอนเมืองวันนี้เวลา 10.00 น.

ป.ป.ช. ลงมติผิดวินัย ตร.ทำคดีทายาทกระทิงแดง

           คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครือธุรกิจกระทิงแดง ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ เสียชีวิต เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีที่มีส่วนช่วยนายวรยุทธ ไม่ให้ถูกดำเนินคดีขับรถขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด ขับขี่ในระดับความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ออกหมายจับเพื่อให้ได้ตัวมาส่งพนักงานอัยการฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายทำให้ผู้ต้องหาหลบหนี ประกอบด้วย

-พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5

-พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5

-พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5

-พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ

- พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม

-พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล

-พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม

            ป.ป.ช.มีมติ ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานและคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับทั้งหมด ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2)

อธิบดีดีเอสไอ ลุยทำคดีการหายตัวไปของ “บิลลี่”

            พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางไปเยี่ยมน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่  แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่บ้านพักใน ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อแจ้งความคืบหน้าของคดี ภายหลังเข้ารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะกลับมาดูคดี ประกอบกับน.ส.พิณนภา เป็นหนึ่งพยานในคดีนี้จึงต้องการมาสอบถามเรื่องความปลอดภัยและดีใจที่เห็นครอบครัวน.ส.พิณนภา ปลอดภัยยืนยันว่าดีเอสไอจะทำคดีให้ดีและเกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ในส่วนการสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจำนวนมาก รวมถึงพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่อัยการมีความเห็นไม่ฟ้องในบางข้อหา และส่งกลับมาให้ดีเอสไอพิจารณาว่าจะทำความเห็นแย้งหรือไม่ เมื่อมารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ จะดูเหตุผลที่อัยการมีความเห็นไม่ฟ้องบางข้อหา หากดีเอสไอมีความเห็นแย้งจะต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด แต่ถ้าดีเอสไอไม่ทำความเห็นแย้ง พนักงานอัยการก็จะฟ้องเพียงข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157

          ด้าน น.ส.พิณนภา รู้สึกมีความมั่นใจเรื่องของคดีมากขึ้น ส่วนตัวต้องการให้ดีเอสไอดำเนินการเกี่ยวกับคดีให้เสร็จสิ้นก่อน หากสุดท้ายแล้วอัยการฟ้องเพียงข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะปรึกษาทนายว่าจะฟ้องเองหรือไม่

ตร.ชี้แจงยังไม่ได้จับใครในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่

           ผ่านไปแล้วประมาณ 45 วัน ในการติดตามคนร้ายในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ด.ญ.วัย 3 ขวบ ในพื้นที่ ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการจับกุมนายนริน เชื้อคมตา ชาวบ้านบ้านกกกอก ว่านายนรินทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิด กระทำอนาจารเด็ก พนักงานสอบสวนในพื้นที่จึงออกหมายจับมาดำเนินคดี แต่การกระทำของนายนรินในคดีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ที่เสียชีวิตกลางป่า ส่วนประเด็นที่นายนริน ไปรู้จักกับครอบครัวน้องชมพู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และนายนริน ไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีน้องชมพู่

           รองผบ.ตร.กล่าวถึง การสืบสวนคดีของน้องชมพู่ ทำให้ตำรวจต้องเรียกคนมาซักถามหาข้อเท็จจริงจำนวนมาก และเนื่องจากมีประเด็นต้องสอบถามนายนริน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีโดยตรง แต่เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคล หลังสืบสวนไปเรื่อยๆ พบว่าเคยไปกระทำความผิดอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อทราบความผิดก็ดำเนินการไปตามหน้าที่ นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ