การจับคู่ประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ หรือ Travel Bubble นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการประมวลสถานการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข ยอมรับว่า การจะทำให้ไทยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์ตลอด จะมีต้นทุนสูงมากเพราะต้องล็อกทุกอย่าง ซึ่งมีผลกระทบกับเศรษฐกิจ-สังคม แต่หากปล่อยให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 สูง จนระบบสาธารณสุขรองรับไม่ได้ ก็จะกระทบกับเศรษฐกิจเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องทำให้เกิดสมดุล หนึ่งในนั้นคือมาตรการจับคู่ประเทศท่องเที่ยว
เบื้องต้นอาจจะเลือกประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น บางเมืองของจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ โดยดูจากความเสี่ยงระดับบุคคล เลือกคนที่มาทำธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ ครูในโรงเรียน และความเสี่ยงในเชิงกิจกรรม ไม่ใช่การเดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว ขณะนี้ มีจีนกับญี่ปุ่น ที่ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการมา จากนี้จะมีการเจรจาอีกครั้งก่อนลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ เอ็มโอยูจับคู่ ในส่วนไทยต้องนำเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก่อน
ไทยได้กำหนด 5 มาตรการ Travel Bubble คือ
1.มาตรการออกจากประเทศต้นทาง เมื่อจะเดินทางมาไทย ประเทศที่จับคู่กับไทย ต้องมีมาตรการควบคุมก่อนออกเดินทาง
2.เมื่อขึ้นเครื่องบิน และขณะอยู่บนเครื่องต้องลดกิจกรรมระหว่างผู้โดยสารกับลูกเรือ มีการใส่หน้ากากอนามัยตลอด หากผู้โดยสารมีการไอจามต้องมีการจัดแยกที่นั่ง และลูกเรือต้องมีชุด PPE ที่เหมาะสม เมื่อมาถึงสนามบิน ต้องมีการกำหนดสนามบินที่ลงหรือแยกโซน มีโรงแรมที่พักชัดเจน
3.ต้องตรวจเชื้อก่อน 72 ชั่วโมง หากนานกว่านั้นใช้ไม่ได้ รวมทั้งการทำประกันค่ารักษาพยาบาลโรคโควิด-19 การตกลงกับโรงพยาบาลของรัฐ หากเจ็บป่วยจะได้มีผู้ดูแล
4.กรณีต้องแวะลงจอดประเทศอื่น ก่อนเดินทางถึงไทย ต้องอยู่ในประเทศนั้น อย่างน้อยกว่า14วัน
5.ต้องมีบริษัทห้างร้านออกหนังสือเชิญมาเพื่อให้มีผู้ควบคุม มีการลงโปรแกรมติดตามตัวได้ตลอดเวลา ห้ามปิดมือถือหรือลบแอปพลิเคชั่นติดตามตัว