ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2563

'วิษณุ' ยอมรับมี 3 ส่วนที่จะกระทบหากไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

           นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึง การบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่จะสิ้นสุดการบังคับใช้วันที่ 30 มิ.ย.นี้ว่า ให้คำแนะนำ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาด โควิด-19 และในวันนี้มีการประชุมสมช.พิจารณาเรื่องนี้ การพิจารณาขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ จะพิจารณาร่วมกับ 4 ฝ่าย สาธารณสุข เศรษฐกิจ ปกครอง และฝ่ายความมั่นคง จากนั้นจะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พิจารณาและนำเข้าที่ประชุม ศบค.วันที่ 29 มิ.ย.และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม.) วันที่ 30 มิ.ย.

          ส่วนที่มีความกังวลว่าหากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว จะส่งผลกระทบกับศูนย์กักกันตัวของรัฐ นายวิษณุ ยอมรับว่ามีผลกระทบจริงๆ ใน 3 ประเด็น คือ

-อำนาจในการกักตัว

- สถานที่กักตัว

-ค่าใช้จ่าย

         นายวิษณุ ระบุว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมใน 3 เรื่องนี้ได้ แต่ถ้าไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วไปใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ต้องไปดูว่าสั่งการเรื่องต่างๆ ได้หรือไม่ ถ้าพูดก็คือได้ แต่สั่งได้เป็นคนๆ เช่น สงสัยใครก็จะขอให้วัดไข้เป็นคนๆ แต่ถ้าจะสั่งการในภาพรวมยาก หากไปสั่งแล้วขัดขืนคัดค้านก็จะไปถึงศาล แต่ถ้าอยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ไม่ต้องไปศาล ส่วนประเด็นเรื่องสถานที่หากอนาคตมีเครื่องบินมาลงมาก เช่น มีคนลงมา 200 กว่าคนจะทำอย่างไร และจะพาไปไหน และเรื่องค่าใช้จ่ายต้องดูแลคนเข้าสถานกักกัน 14 วัน คนละกว่า 30,000 บาท หากต้องรักษาต้องใช้ค่าใช้จ่ายคนละ 1,000,000 บาท ใครจะรับผิดชอบ

          ปัจจุบันการควบคุมโรคโควิด-19 ใช้ทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ควบคู่กันไป ลำพังใช้แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ เพราะไม่ได้ออกแบบไว้ใช้สำหรับป้องกันโรคติดต่อโดยเฉพาะ แต่ใช้สำหรับภัยพิบัติและได้สอบถามไปยังอธิบดีกรมควบคุมโรคว่าภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พนักงานตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะบูรณาการกันได้อย่างไร เพราะตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรค ก่อนหน้านี้แต่งตั้งไปแล้วหลายหมื่นคน ทุกคนให้ความร่วมมือดี เพราะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าไปกำกับ ไม่ได้กลัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่กลัว พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่นายกฯ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจกำกับตาม กฎหมายดังกล่าว

จ.นนทบุรี-ตำรวจ เร่งตามจับคนร้าย วางยาคนวิ่งออกกำลังกาย

          จังหวัดนนทบุรีและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ประสานกำลังติดตามเหตุที่มีการเปิดเผยจากคนที่มาวิ่งออกกำลังกาย 2 คน ที่สวนสาธารณะในศาลากลางจังหวัดนนทบุรี และมีอาการเหมือนถูกวางยา พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี สั่งการให้ตำรวจสืบสวนแต่ละโรงพักที่มีสวนสาธารณะในพื้นที่แฝงตัวเป็นคนออกกำลังกายเฝ้าตามสวนสาธารณะทุกแห่งในจังหวัดนนทบุรี เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายหรือบุคคลต้องสงสัยที่จะมาก่อเหตุลักษณะดังกล่าว ส่วนเรื่องผลพิสูจน์น้ำดื่มที่ได้ส่งไปตรวจคงต้องใช้เวลาถึงจะทราบว่าน้ำมีสารพิษหรือไม่

          ด้านนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ประสาน พล.ต.ต.ไพศาล ให้ช่วยติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น อยากฝากประชาชนที่มาใช้สวนสาธารณะ ไม่ว่าที่ศาลากลางหรือที่ไหนให้ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ส่วนสวนสาธารณะนี้อยู่หน้าศาลากลาง มีเทศบาลนครนนทบุรีดูแลประชาชนที่มาใช้บริการ มีข้อกำหนดและระเบียบเวลาเปิด-ปิด หลังปิด จะมี รปภ.ปั่นจักรยานตรวจอีกครั้ง ส่วนกล้องวงจรปิดมีติดตั้งอยู่แล้วในส่วนที่เป็นจุดเปลี่ยวและอับสายตา เทศบาลได้จัดตั้งงบประมาณเพื่อติดตั้งกล้องเพิ่มทั่วพื้นที่ในศาลากลางอีกร้อยกว่าตัว ได้นำเรื่องเข้าประชุมผ่านร่างสภาเรียบร้อยแล้ว

6 ชั่งโมงถึงจับได้ ชายเมายา ! คิดว่าคนจะตามฆ่า คุมตัวดำเนินคดี

         หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องให้ครอบครัวของนายสมภพ แพรสีเขียว ช่วยเกลี้ยกล่อม เหตุการณ์ที่นายสมภพ ใช้อาวุธปืนชิงรถยนต์บริเวณวัดบึงบา คลองสิบ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ก่อนหลบหนีมุ่งหน้าเลียบคลองรพีพัฒน์ เขตติดต่อ อ.หนองแค จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ จ.สระบุรี และ จ.ปทุมธานี ได้บล็อคพื้นที่เพื่อป้องกันคนร้ายหลบหนี จนเมื่อช่วง 02.00 น.วันที่ 25 มิ.ย.นายสมภพ ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปที่วัดคลองห้า ต.หนองโรง อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งเป็นเขตติดต่อกันรวมระยะเวลาในการติดตามตัว 6 ชั่วโมง

          พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สอบปากคำนายสมภพ มีประวัติเคยถูกจำคุกในคดียาเสพติดและชิงทรัพย์ ยังอยู่ในอาการมึน งง เมาสารเสพติดและคิดว่าจะมีคนมาทำร้ายจึงก่อเหตุขึ้นต้องรอสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สภ.หนองแค จากการสอบถามญาติทราบว่าเมื่อเย็นวานนี้ นายสมภพ มีอาการทางประสาทระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย จึงก่อเหตุเผาสวน จากนั้นใช้อาวุธปืน กระสุนเกือบ 30 นัด ยิงคนแปลกหน้าที่คิดว่าเป็นคนที่จะมาทำร้ายทั้งในเขตพื้นที่จ.สระบุรี และ จ.ปทุมธานี โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ตำรวจ ฝากขัง! ผู้ต้องหาขับรถชนหญิงท้อง 5เดือน พร้อมแจ้ง 2 ข้อหาหนัก 

          นายกาวิน สาธร อายุ 48 ปี เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.มีนบุรี พร้อมยกมือไหว้ขอโทษต่อเหตุการณ์ขับรถเก๋งวอลโว่พุ่งชนรถจักรยานยนต์แล้วทับร่างน.ส.นาดียะห์ เดชะคำภู กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน เสียชีวิตทั้งแม่และลูก เหตุเกิดย่านมีนบุรี อ้างเหตุรถเก่ายางแตกเลยเสียหลักพุ่งชน จึงคุมรถไม่อยู่ บนถนนสุวินทวงศ์ จากนั้นขับรถหนีและไปจอดรถทิ้งไว้ห่างจุดเกิดเหตุ 8 กม. ก่อนขึ้นแท็กซี่หลบหนีไป จนศาลอาญามีนบุรี อนุมัติหมายจับ นายกาวิน  ช่างซ่อมรถอู่แห่งหนึ่ง ย่านแฟชั่นไอส์แลนด์ ฐานความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหาย และหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

          ขณะที่ พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สน.มีนบุรี  กล่าวว่า จากการสอบสวนนายกาวิน ให้การอ้างว่า ซื้อรถวอลโว่คันเกิดเหตุมาจากอินเทอร์เน็ตเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ก่อนเกิดเหตุขับไปหาเพื่อนที่บ้านย่านสุวินทวงศ์ จากนั้นขับรถกลับบ้านย่านสวนสยาม แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถเกิดยางแตกแล้วเสียหลักไปชนท้ายรถจักรยานยนต์ ด้วยความตกใจจึงรีบหนีไป จากนั้นตัดสินใจติดต่อญาติให้พาเข้ามอบตัว ผู้ต้องหา จะให้การอย่างไรก็ได้เป็นสิทธิของผู้ต้องหา เบื้องต้น แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท และข้อหาความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจร คือ หลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000-20,000 บาท หลังจากนี้ จะส่งฝากขังพร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคืนเกิดเหตุ มีพฤติกรรมหลบหนีจนตำรวจต้องกดดันและออกหมายจับจึงออกมามอบตัว