ตื่นตระหนก! แผ่นดินไหว 7.4 ภาคใต้เม็กซิโก สะเทือนไกลถึงกัวเตมาลา
สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงวัดขนาดได้ 7.4 เมื่อเวลา 10.29 น.เช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หรือเมื่อคืนนี้ประมาณ 22.29 น. ตามเวลาในไทย บริเวณแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ของเม็กซิโก ศูนย์กลางอยู่ลึกลงไป 26 กิโลเมตร และห่างออกมา 12 กิโลเมตรทางทิศใต้ถึงตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซันตา มาเรีย ซาโปติตลัน รัฐโออาซากา แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ไกลถึงประเทศกัวเตมาลา ตอนใต้และตอนกลางของประเทศเม็กซิโก สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯประเมินว่ามีคน 2,000,000 คน รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงถึงปานกลาง และอีกประมาณ 49 ล้านคนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ประธานาธิบดีอังเดรซ มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย และอีก 1 คน ได้รับบาดเจ็บจากอาคารถล่มในเมืองอัวตุลโก เมืองท่าตากอากาศ ในรัฐโออาซากา
ขณะที่บางสื่อรายงานพบผู้เสียชีวิตประมาณ 4 ราย CNN รายงานพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
นอกจากนั้นยังมีรายงานความเสียหาย เช่น กระจกแตกและกำแพงพังถล่มลงมา สถานที่สำคัญ เช่น ท่าเรือ สนามบิน โรงกลั่นน้ำมันไม่ได้รับความเสียหาย เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกกว่า 140 ครั้ง แต่ไม่รุนแรง เมื่อช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหว สัญญาณเตือนภัยแผ่นดินไหวดังขึ้นตลอดเวลา ทำให้ผู้คนพากันหนีลงมาจากอาคารสูง ไฟฟ้าขัดข้องในบางพื้นที่ เฮลิคอปเตอร์บินตรวจการณ์เหนือกรุงเม็กซิโกซิตี้ และรถสายตรวจ ออกตรวจลาดตระเวนดูแลความสงบเรียบร้อย
สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ เตือนภัยเรื่องคลื่นสึนามิสูง 3-10 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลตลอดแนวชายฝั่งของเม็กซิโก แต่มีคลื่นขนาดเล็กคาดว่าพัดไปถึงอเมริกากลาง เปรูและเอกวาดอร์
ส่วนสำนักงานพิบัติภัยแห่งชาติของกัวเตมาลา แจ้งเตือนให้ระวังคลื่นสึนามิตามแนวชายฝั่งแปซิฟิกใต้ คาดว่าจะมีคลื่นสูง 1 เมตร แนะนำประชาชนให้อยู่ห่างจากทะเล
CR:Reuters
ศาล ออกคำสั่งให้ปธน.บราซิล ต้องสวมหน้ากาก ละเลยไม่สนใจการล็อกดาวน์
นายโรนาโต โบเรลลี ผู้พิพากษาศาลกลางในบราซิล ออกคำสั่งให้ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ตามข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณะตั้งแต่เดือนเม.ย. ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับเงิน 2,000 เรียล หรือราว 12,000บาท คำตัดสินนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทนายความรายหนึ่ง ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาล เนื่องจากมองว่าประธานาธิบดีควรต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ คำพิพากษานี้มีผลกับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายโบลโซนารูและคณะทำงานด้วย
ขณะที่ประธานาธิบดีบราซิล ไม่เห็นความสำคัญของการล็อกดาวน์ควบคุมโรค ไม่สวมหน้ากากอนามัย เพราะมองว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น ละเมิดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในที่สาธารณะเป็นประจำ ทั้งจับมือและโอบกอดผู้สนับสนุนที่ออกมาชุมนุมให้กำลังใจบริเวณด้านนอกทำเนียบ ออกไปรับประทานอาหารริมทาง จัดเลี้ยงปิ้งย่าง และออกไปสนามยิงปืน
ก่อนหน้านี้ นายอับราฮัม ไวน์เทราบ์ อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ ถูกปรับเงิน 2,000 เรียล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัย เมื่อช่วงเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้สนับสนุนนายโบลโซนารู ในกรุงบราซิเลีย
บราซิล เป็นประเทศอันดับที่ 2 ของโลก ที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเมื่อเวลา 05.36น. ที่ 1,106,470 คน เสียชีวิตสะสม 51,271 ราย
โดนของจริง! นายกฯบัลแกเรีย ถูกปรับเงินกว่า 5,000 บาท ไม่สวมหน้ากากอนามัย
นายบอยโก บอริสซอฟ นายกฯบัลแกเรีย ถูกปรับเงิน 300 เลฟ หรือ ราว 5,400 บาท ไม่สวมหน้ากากอนามัย ระหว่างเดินทางไปที่โบสถ์แห่งหนึ่ง นายคิริล อนาเนียฟ รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุว่า นอกจากนายบอริสซอฟ แล้ว ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ที่เดินทางไปพร้อมกับนายกฯและไม่สวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรคโควิด-19 จะถูกปรับเงินเช่นกัน บัลแกเรีย ออกคำสั่งให้ชาวบัลแกเรียทุกคน กลับมาสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรคโควิด-19 เมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะในร่ม รถไฟ และรถบัสโดยสาร เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บัลแกเรียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ สูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในประเทศ บัลแกเรีย รับมือกับโรคโควิด-19 ได้ค่อนข้างดี เนื่องจาก บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด รวมถึงการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ด้วย
เมื่อช่วงต้นเดือน บัลแกเรีย เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่สัปดาห์ที่แล้ว รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 606 คน ยอดผู้ป่วยสะสม 3,984 คน เสียชีวิต 208 ราย
รัฐวิกตอเรีย ออสเตรเลีย จุดแพร่ โควิด-19 แห่งใหม่
รัฐวิกตอเรีย มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย และเป็นที่ตั้งของเมืองเมลเบิร์น หนึ่งในเมืองใหญ่ของประเทศ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ วันละไม่ต่ำกว่า 10 คน ต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว จนนายแดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ขยายเวลาบังคับใช้คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่มีผลตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.ต่อไปจนถึงวันที่ 19 ก.ค.ส่วนสถานการณ์เมื่อวานนี้ มีผู้ป่วยรายใหม่อีก 17 คน
-1 คนอยู่ในโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่กักตัว
-2 คนมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า
-3 คนเป็นผลจากการลงพื้นที่ตรวจเชิงรุก
-อีก 11 คนที่เหลืออยู่ในขั้นสอบสวนโรค ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของการติดเชื้อภายในชุมชน
มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย สั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาในพื้นที่อีก 2 แห่ง หลังตรวจพบนักเรียนติดเชื้อ แต่ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าพบเมื่อใด และกระจายกำลังอาสาสมัครด้านสาธารณสุขลงพื้นที่ตรวจคัดกรองโรคให้กับประชาชน เน้นชุมชนรอบนอกก่อนพร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนอย่าหลงเชื่อบริการตรวจโรคที่ไม่มีเอกสารรับรองจากทางการ
เยอรมนี ล็อกดาวน์เพิ่มอีก 1 เขต โควิด-19 ระบาดโรงฆ่าสัตว์
ทางการเยอรมนี สั่งปิดเขตเมืองกือเทอร์สโล รัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ที่มีประชากรมากที่สุดในเยอรมนี หลังจากคนงานบริษัททอนนีส์ ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 1,500 คน ในจำนวนนี้ 21 คนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมี 6 คนต้องอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤต การล็อกดาวน์เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.-30 มิ.ย. กระทบคน 360,000 คน เนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาดในโรงฆ่าสัตว์ที่มีคนทำงานเกือบ 7,000 คน
จากนั้น นายคาร์ล-โยเซฟ ลอมันน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในเขตที่ 2 คือเขตวาเลินดอร์ฟ ซึ่งอยู่ติดกัน และระบุด้วยว่า จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันประชาชน
ทางการท้องถิ่น ตกลงกันว่าจะใช้มาตรการฉุกเฉินและใช้มาตรการจำกัดอีกครั้ง หากพบว่าเขตใดเขตหนึ่งมีผู้ติดเชื้อเกิน 50 คนต่อประชากรทุก 100,000 คน เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เยอรมนีทั้งประเทศมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสม 192,480 คน เสียชีวิต 8,914 ราย
เป็นครั้งแรกที่เยอรมนี ต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ยกเลิกการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ภายใต้มาตรการรอบใหม่ ทั้งสองเขตดังกล่าวจะปิดบาร์ พิพิธภัณฑ์ โรงภาพยนตร์ และโรงยิม ส่วนร้านอาหารสามารถให้บริการแบบสั่งอาหารกลับบ้านเท่านั้น