ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น. วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2563

23 มิถุนายน 2563, 09:15น.


“หมอธีระ”ยก 5 ข้อ ทบทวนมาตรการรับต่างชาติ



          รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุข้อมูลในเฟซบุ๊ก เป็นข้อมูลถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงและศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 (ศบค.) ขอให้ทบทวนในหลายเรื่องทั้งเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายทาง สถานการณ์ปัจจุบันต้องหาเงินอย่างปลอดภัย อดทน อดออม อดกลั้น และโปรดระลึกถึงปรัชญา"เศรษฐกิจพอเพียง"เอาไว้ในใจเสมอ



          การให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา ควรเป็นไปในลักษณะที่จำเป็นจริงๆ "อย่าสู้ศึกหลายด้าน"...ไม่ควรทรนงว่าเราชนะโควิด-19 แล้ว เพราะประเทศที่ประกาศชัยชนะทั้งหลายมีการระบาดรอบสอง



          ชาวต่างชาติที่จะให้เดินทางเข้ามานั้น ตามที่ตกลงหารือกันคือ กลุ่มที่ลงทะเบียนไว้ราว 23,000 คน ประกอบด้วย



-นักธุรกิจ นักลงทุน 670 คน



-ผู้เชี่ยวชาญ แรงงานฝีมือที่จำเป็น 22,000 คน



-คนต่างชาติที่ได้รับสิทธิพำนักในประเทศไทย เช่น คนที่แต่งงานกับคนไทย



           ทั้งสามกลุ่มดังกล่าวควรได้รับการตรวจคัดกรองตามมาตรฐานสากล เน้นความปลอดภัยทั้งบุคคลที่จะเดินทางมาและคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจาก



1.สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกมีผู้ป่วยกว่า 9,000,000 คน เพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 100,000 คน  สัปดาห์ละ1,000,000 คน ยังมีความเสี่ยงเกินกว่าจะรับได้



2.ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้มาคนเดียว มีสมาชิกในครอบครัวเดินทางมาด้วย แปลว่า ความเสี่ยงย่อมเพิ่มมากขึ้น



3.ไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองใดที่จะการันตีความปลอดภัยได้ 100% และแต่ละวิธีที่เรามีอยู่นั้นมีความไวและความจำเพาะที่แตกต่างกันไปในแต่ละระยะของการติดเชื้อ โอกาสหลุดรอดของเคสที่ติดเชื้อจึงมีสูงขึ้นมากแน่ๆ หากเปิดรับตามมาตรการที่จะเสนอให้ที่ประชุมศบค.พิจารณา



4.การเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามารักษาในโรงพยาบาลของไทย อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย หากเกิดกรณีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อและต้องปิดโรงพยาบาล ยกเว้นกรณีช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมและตามจริยธรรมทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ประเทศเค้ารักษาไม่ได้แล้วและประเทศเรารักษาได้



5.จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ทั้งแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร มีจำกัดมากควรจะต้องดูแลอย่าทำให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้น  



CR:facebook รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์



เตรียมเสนอ ศบค. พิจารณา Business Bubble ในพื้นที่อีอีซี 



          นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ว่า ที่ประชุมจะเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 1019 ( ศบค.)พิจารณาแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี ในรูปแบบ Business Bubble เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ รวมถึงการส่งช่างเทคนิค เข้ามาตรวจสอบซ่อมบำรุงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม และเพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ต่อเนื่อง



          ทั้งนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศ มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อรองรับบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่ อีอีซี ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สกพอ. อยู่ระหว่างหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข ถึงแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศไทย ได้แก่ การสร้างภาคีเครือข่ายองค์กร บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศต้นทาง กับสถานเอกอัครราชทูตไทยหรือสถานกลศุลใหญ่ โดยจัดให้มีการตรวจและออกใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมกับการเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly)



         สำหรับกลุ่มบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่อีอีซีจากประเทศญี่ปุ่น เช่น หอการค้าประเทศญี่ปุ่น (Japanese Chamber of Commerce:JCC) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ภาคธุรกิจจากสาธารณรัฐเกาหลี และประเทศอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสหกรรมได้ยื่นหนังสือถึงภาครัฐขอให้ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ รวมถึงการส่งช่างเทคนิคเข้ามาตรวจสอบซ่อมบำรุงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม และเพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ต่อเนื่อง



CR:Facebook คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิศษภาคตะวันออก 



สพฐ.เข้มสั่งปิดโรงเรียนทันที ถ้าเด็กติดเชื้อโควิด-19



          นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยถึงมาตรการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 ก.ค. ว่าหากเปิดภาคเรียนแล้วพบนักเรียนมีไข้สูงโรงเรียนจะต้องส่งต่อนักเรียนให้กับโรงพยาบาลทันที ห้ามให้นอนพักในห้องพยาบาลของโรงเรียนเด็ดขาด รวมถึงเมื่อเปิดภาคเรียนไปสักระยะหนึ่งหากพบนักเรียนตรวจพบโควิด-19 ต้องมีการปิดโรงเรียนทันทีพร้อมทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ



          สพฐ.ได้รวบรวมข้อมูลโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่นักเรียนมาเรียนได้ 100% โดยไม่ต้องใช้มาตรการสลับวันมาเรียน จำนวน 21,000 แห่ง ส่วนที่เหลือจำนวน 5,000 แห่ง เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้มาตรการสลับวันมาเรียนและผสมผสานการเรียนผ่านระบบโทรทัศน์ดิจิทัลและระบบออนไลน์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ และโรงเรียนประถมศึกษาขนาดใหญ่



           เลขาฯ กพฐ.กล่าวถึง โรงเรียนพักนอน เช่น โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะเด็กความพิการ สพฐ.ไม่กังวล เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้มีมาตรฐานคัดกรองอย่างดีเยี่ยม ขณะที่โรงเรียนในพื้นที่ชายแดนอย่างภาคใต้และภาคเหนือที่มีเด็กไทยต้องเดินทางไปเยี่ยมผู้ปกครองทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านระหว่างปิดภาคเรียน สพฐ.มีมาตรการให้นักเรียนไทยสามารถเดินทางข้ามชายแดนระหว่างประเทศไทยได้ แต่ต้องถูกกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของรัฐบาล



ทองคำในตลาดโลก เพิ่มขึ้น 13.40 ดอลลาร์ กลัวโควิด-19 ระบาดรอบสอง



          ความเคลื่อนไหวของรัฐต่างๆในสหรัฐฯและหลายประเทศที่กลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง หลังปิดไปนานภายใต้คำสั่งหยุดอยู่บ้านสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมันเช่นกัน

อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ในหลายชาติทั่วโลก ปัจจัยนี้ทำให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำพุ่งแรง ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ 22มิ.ย. โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือบสิงหาคม เพิ่มขึ้น 13.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,766.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

          ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกพอสมควร แนสแดค ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี ตามหลังคำแถลงของแอปเปิ้ล ที่จะสร้างชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ Mac ของตนเอง ช่วยกลบความกังวลต่อเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น



-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 153.50 จุด หรือร้อยละ 0.59 ปิดที่ 26,024.96 จุด



-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 20.12 จุด หรือร้อยละ 0.65 ปิดที่ 3,117.86 จุด



-แนสแดค เพิ่มขึ้น 110.35 จุด หรือร้อยละ 1.11 ปิดที่ 10,056.48 จุด

          ความเคลื่อนไหวน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 71 เซ็นต์ ปิดที่ 40.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 89 เซ็นต์ ปิดที่ 43.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯและแคนาดาที่เดินเครื่องลดลง แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่



 

ข่าวทั้งหมด

X