ศาล สั่งพิจารณาลับ คดี 'บรรยิน' อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดตรวจพยานหลักฐานคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมพวกอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อข่มขู่ให้ช่วยเหลือทางคดี เจ้าหน้าที่มีการวางกำลังคุมเข้มพ.ต.ท.บรรยิน เดินทางจากเรือนจำกลางบางขวางมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เนื่องจาก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว พ.ต.ท.บรรยิน วางแผนหลบหนีแต่แผนแตกก่อน
การพิจารณาคดีในวันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งเห็นสมควรให้พิจารณาเป็นการลับ โดยให้โจทก์ คือ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 และทนายความจำเลยที่ 1-2 มาที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดี โดยห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความเข้ามาในห้องพิจารณา ยกเว้นบุคคลที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น คดีนี้ จำเลยประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน นายมานัส ทับทิม นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กูล นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ เป็นจำเลยที่ 1-6
นอกจากนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งให้โจทก์ จำเลยที่ 2-6 พร้อมด้วยทนายความมาศาล เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดีในวันที่ 25 มิ.ย.โดยห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ คู่ความเข้าอยู่ในห้องพิจารณาเช่นกัน
ส่วนการดำเนินคดีพ.ต.ท.บรรยิน เกี่ยวกับแผนการชิงตัว พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม รวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาแจ้งข้อหา ซึ่งในวันนี้ กองบังคับการปราบปราม ประชุมพนักงานสอบสวนซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งความผิดข้อหากระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ พ.ต.ท.บรรยิน มีพฤติกรรมเป็นผู้ใช้จ้างวาน มีโทษ 1 ใน 3 ของความผิด หลังจากมีการประชุมคณะทำงานจะแบ่งงานให้ทีมสืบสวนไปรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ มาประกอบการทำคดีเพิ่มเติม
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง แผนการชิงตัวว่ากรมราชทัณฑ์ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ ได้ประสานงานกับศาลยุติธรรม เพื่อลดความถี่ในการนำตัวผู้ต้องขังรายนี้ออกจากเรือนจำไปศาลเพื่อสืบพยาน โดยอาจมีทางเลือกอื่น เช่น สืบพยานผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และยังวางแผนร่วมกับตำรวจหน่วยต่างๆ เพื่อเสริมกำลังและรักษาความปลอดภัยในขณะเคลื่อนย้ายตัวด้วย
ตร.ปิดล้อมปั๊มน้ำมันย่านลำลูกกา จับแก๊งรถซิ่ง 97 คัน มั่วสุมรวมตัว
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคูคต ร่วมกันจับกุมชายและหญิง 146 คน รถกระบะและรถเก๋งแต่งซิ่ง 97 คัน จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งหมู่ที่ 11 ถนนหทัยราษฏร์ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ขณะนัดรวมตัวมีตติ้งของกลุ่มรถซิ่งรามอินทรา และเฟซบุ๊กไลฟ์ ลงเพจต่างๆ
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี การข่าวทราบว่าจะมีการรวมตัวของกลุ่มรถซิ่งภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าว ตำรวจจึงวางกำลังจนกลุ่มรถซิ่งเข้ามาจนหมด จึงได้แสดงตัวจับกุม เบื้องต้นได้ทำประวัติทุกคนพร้อมแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) จับกลุ่มมั่วสุมทำกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท สำหรับข้อหาอื่นอยู่ระหว่างการสอบสวน
นอกจากนี้ ฝากเตือนไปยังผู้ที่ชอบแข่งรถว่ากระบวนการยุติธรรมมีการเข้มงวดมาก พวกที่มาด้วยไม่ว่าจะซ้อนท้ายหรือนั่งร่วมรถหรือชักชวนตามเพจต่างๆ ความผิดคือการสนับสนุนส่งเสริมในการแข่งรถ ซึ่งอัตราโทษเท่ากับผู้แข่งขัน คือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท อัตราโทษรุนแรง ส่วนใหญ่ถ้ามีการแข่งรถหรือขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น อัยการจะฟ้องให้ริบรถ ที่ผ่านมาคำพิพากษาก็มีการริบรถและจำคุกหรือกักขัง อย่าได้ไปร่วมกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย
ไทย เช็กไทม์ไลน์แรงงานเมียนมาที่ติดเชื้อ
กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขประเทศเมียนมา ระบุว่า พบแรงงานชาวเมียนมา ผิดกฎหมายในประเทศไทย 23 คน ติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางออกไปจากประเทศไทย นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แรงงานกลุ่มนี้เป็นแรงงานผิดกฎหมาย และถูกเจ้าหน้าที่ของประเทศไทยส่งตัวกลับไปที่เมียนมา ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. ขณะที่ส่งตัวกลับไม่มีอาการป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค จึงไม่ได้ตรวจหาเชื้อใดๆ แต่เมื่อกลับไปถึงประเทศเมียนมาแล้วระยะหนึ่ง จึงมีการตรวจและพบเชื้อในภายหลัง ส่วนในฝั่งของประเทศเมียนมา ประเทศไทยจำเป็นต้องทราบว่าทางการประเทศเมียนมามีมาตรการในการกักกันโรค (State Quarantine) ของผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างไร เพื่อความสบายใจของประเทศไทย แต่ทีมสอบสวนโรคของไทยก็ได้ลงพื้นที่ด่านกักกันระหว่างพรมแดนดังกล่าว และสอบสวนโรคว่าแรงงานกลุ่มนี้อยู่ที่ใดบ้างก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย
ศบค.ชุดเล็ก รับข้อเสนอช่วยเหลือผู้ประกอบการสถานบันเทิง
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ มาร่วมหารือและรับฟังข้อเสนอในการวางแนวทางการผ่อนคลายมาตรการสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าว มีรายงานว่า จะนำผลการหารือและข้อเสนอของภาคธุรกิจเสนอใน ศบค.ชุดใหญ่พิจารณา
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร อยากให้ช่วยผู้ประกอบการ พนักงาน นักดนตรี ศบค.ชุดเล็กจะแบ่งพิจารณาเป็นธุรกิจ ไปในส่วนของสถานบันเทิง โดยไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจะแยกเป็นรายธุรกิจ ทั้งนี้ การพบกันวันนี้ก็เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการในเรื่องข้อเสนอเพิ่มเติมต่างๆ โดยทั้งหมดได้มีการศึกษารายละเอียดมาก่อนแล้ว
ตัวแทนชมรมสถานบันเทิงไทยที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ มีความหวังว่าจะได้กลับมาเปิดกิจการ แต่ละจังหวัดต้องรอคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งไม่เหมือนคำสั่งในกรุงเทพฯ ที่ยึดตามหลัก ศบค.ชุดใหญ่ ดังนั้นหาก ศบค.มีคำสั่งใดออกมาผู้ประกอบการแต่ละพื้นที่อาจต้องรวมตัวไปขอผู้ว่าฯ เพื่อหารือแนวทางอีกครั้ง