ผลการจับกุมผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากยกเลิกการออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย การทำงานตั้งแต่วันที่ 15 -18 มิ.ย.
-ตำรวจตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และชุดเคลื่อนที่เร็ว กว่า 1,900 จุด ใช้กำลังพลมากกว่า 10,000 นาย
-ใช้ชุดเคลื่อนที่เร็วกว่า 2,000 ชุด กำลังพลมากกว่า 10,000 นาย
เจ้าหน้าที่ควบคุมคนที่ทำผิดในด้านต่างๆ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
-ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวม 91 ราย
-ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด 862 ราย ของกลางยาบ้ากว่า 800,000 เม็ด ไอซ์กว่า 800 กิโลกรัม
-ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน 54 ราย อาวุธปืน 30 กระบอก
-ความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 67 ราย
-ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร 306 ราย
-เมาเเล้วขับ 107 ราย
-เเข่งรถในทาง 38 ราย
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ ฝากขอบคุณและให้กำลังใจตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ ถือว่าตำรวจเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและระงับการเเพร่ระบาดของโรคโควิด-19
พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กำชับตำรวจทั่วประเทศบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เป็นการซ้ำเติมประชาชน เมื่อรับแจ้งเหตุแล้วให้รีบเดินทางไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบกิจการกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายให้ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19
แฟ้มภาพ