ศบค.แนะนำโรงฆ่าสัตว์เพิ่มมาตรการสุขอนามัย หลังในต่างประเทศพบผู้ติดเชื้อโควิด-19

          สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ในวันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 19 มิถุนายน 2563 ว่า วันนี้ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 91 ของโลกที่พบผู้ติดเชื้อ พร้อมย้ำขอให้โรงงานฆ่าสัตว์ในประเทศ เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังมากขึ้น โดยได้หยิบยกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเยอรมนี ซึ่งพบคนงานโรงฆ่าสัตว์ติดเชื้อกว่า 650 คน ทำให้สั่งปิดโรงงานแปรรูปเนื้อในเมืองกือเทอร์สโลห์ และสั่งกักตัวประชาชนหลายพันคนให้อยู่ที่บ้าน รวมถึงการตรวจโรคคนงานมากกว่า 1,000 คน ขณะที่อังกฤษพบผู้ติดเชื้อ 58 คนจากโรงฆ่าไก่ในเวลส์ 2 แห่ง ซึ่งจัดส่งไก่สดไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารต่างๆ ในสหราชอาณาจักร

          ในวันนี้ไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 5 คน พบว่า เป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 23-26 ปี  เดินทางกลับมาจากซาอุดีอาระเบีย อยู่ใน State Quarantine ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ทุกคนไม่มีอาการ  จากนั้นมีการตรวจยืนยัน พบติดเชื้อเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสม 3,146 คน แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อจาก State Quarantine 209 คน และไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศต่อเนื่องครบ 25 วัน

          ส่วนจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม -15 เมษายน 2563 พบว่า เป็นชาวจีน มากที่สุด รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส       

          สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ – 5 เมษายน 2563 พบว่า เดินทางกลับมาจากสหราชอาณาจักรมากที่สุด รองลงมา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยในวันนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศอีก 500 คน 

          -วันนี้ ไม่มีผู้เสียชีวิต ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย

          -มีผู้หายป่วยเพิ่ม 11 คน ยอดผู้ป่วยรักษาหาย และเดินทางกลับบ้านได้แล้วรวม 3,008 คน

          -ส่วนผู้ที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ที่ 80 คน

          นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยเรื่องการท่องเที่ยวในรูปแบบ Travel Bubble ว่าในเบื้องต้นยังไม่ใช่นักท่องเที่ยวทั่วไป กลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มคนทำงานที่มีใบอนุญาต กลุ่มแรงงานมีฝีมือ และครู อาจารย์ โรงเรียนนานาชาติ คนที่จะเดินทางเข้ามาต้องเป็นกลุ่มที่กระตุ้นเศรษฐกิจ