*รัฐบาลดันปราบทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ /ครม.ตั้งกก.ปปง.*

การตั้งคณะทำงานตรวจสอบติดตามการทุจริต นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ปัญหาการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ จึงได้จัดตั้งขึ้นโดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อติดตามเร่งรัดการทุจริต และไม่ให้เกิดช่องว่างพร้อมเดินหน้าการทำงานอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผ่านการตรวจสอบมาแล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะเริ่มทำงานทันที ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อไปที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พลเอกอักสรา เกิดผล รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระที่ไม่เป็นความลับ เพื่อรับทราบรายละเอียดของความเป็นในมติที่ประชุม โดยจะสามารถนำไปถ่ายทอดให้กับ คสช.เพื่อขับเคลื่อนได้ทันที   ส่วนการทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ว่าภายหลังการเสนอแนวทางการปฏิรูปต่อคณะกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ จะมีความชัดเจนมากขึ้น

ส่วนผลการประชุม คณะรัฐมนตรี  เพิ่มเติม  ร.อ.นพ. ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติให้จัดตั้งกองทุนร่วมในกิจการผู้ประกอบการธุรกิจขาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี โดยภาครัฐจะเข้าร่วมทุนในอัตราร้อยละ 50 ของเงินทุนทั้งหมดที่คาดว่าจะมีราว 10,000-25,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเปิดให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการพัฒนาสินค้า และมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อให้คำปรึกษาต่อกองทุนแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบ

ครม.ยังเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะกรรมการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน 9 คน เช่น พล.ท. สมร ศรีทันดร นาย วันชัย รุจนวงศ์ นาย พิทยา จินาวัฒน์ นาย ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ   ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบบันทึกความเข้าใจร่วมกันทางวิชาการทรัพยากรน้ำและการชลประทานกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะมีการลงนามร่วมกันในวันที่ 23ธันวาคมนี้ เพื่ส่งเสริมและวิจัยทรัพยากรน้ำและการชลประทานร่วมกันด้วย รวมทั้งรับทราบอดหนี้สาธารณะคงค้างถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 ที่มีกว่า 5,690,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47.18 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ส่วนยอดหนี้สาธารณะคงค้างในรอบ 6 เดือนเพิ่มขึ้นจำนวน 140,400,000 ล้านบาท

ส่วนโครงการสินเชื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพให้บริการสาธารณะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ครม.เห็นชอบให้อนุมัติโครงการครั้งสุดท้ายถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 หลังพบว่าเงินลงทุนกว่า 5,000ล้านบาทของโครงการไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า  ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้มีการซ้อมการต้อนรับผู้นำจีนที่จะเดินทางมาในวันที่19ธันวาคม2557