อนุมัติ 5 โครงการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มตกหล่นจากโควิด-19
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ 5 โครงการช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้กับประชาชนกลุ่มต่าง ๆที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ประกอบด้วย
1.โครงการช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะจ่ายให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากโครงการของภาครัฐในช่วงแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 1,164,222 คน เดือนละ 1,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน คือเดือนพ.ค. – ก.ค. 2563 จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินงบประมาณ 3.49 พันล้านบาท
2.ช่วยเหลือผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จตามโครงการเราไม่ทิ้งกันของกระทรวงการคลัง จำนวน 302,160 คน ที่ตรวจสอบความซ้ำซ้อนแล้วยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเยียวยาและชดเชย จากโครงการของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 กรอบวงเงินงบประมาณ ไม่เกิน 906 ล้านบาท
3. โครงการช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบาง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยกลุ่มเปราะบางรวมทั้งหมด 6,781,881 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นของรัฐ และไม่ซ้ำซ้อนกับระบบประกันสังคมและระบบสวัสดิการของภาครัฐ ประกอบด้วย
-เด็กจากครัวเรือนยากจน ตั้งแต่แรกเกิด - 6 ปี จำนวน 1,394,756 คน
-ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 4,056,596 คน
-ผู้พิการ จำนวน 1,330,529 คน โดยจ่ายเงินเยียวยารายละ 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มเติมจากเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงเด็กแรกเกิด เบี้ยความพิการและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ค. – ก.ค. 2563 กรอบวงเงินงบประมาณ รวมทั้งสิ้น 2.03 หมื่นล้านบาท
4.ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเพิ่มกลุ่มเป้าหมายเกษตรกร รวมถึงเกษตรกรที่ด้อยโอกาสและยังไม่สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตร จำนวน 137,093 ราย
ผู้ที่จะได้รับความช่วยเหลือต้องได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 และผ่านการตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับผู้ได้รับสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการของกรมบัญชีกลางและระบบประกันสังคมของสำนักงานประกันสังคม รวมทั้งมาตรการอื่นๆของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาจากผลกระทบของโรคโควิด-19 แล้ว เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างเท่าเทียม การดำเนินการอยู่ภายใต้กรอบวงเงินและจำนวนเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 ล้านราย ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 เม.ย.
น.ส.รัชดา กล่าวว่า การขยายเวลาการจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรได้อย่างสมบูรณ์ ภายในวันที่ 15 พ.ค. 2563 จำนวนประมาณ 120,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรในรอบการผลิตที่ผ่านมาแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงทะเบียนเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ค.
คลัง เตรียมเสนอ ครม.ช่วยเหลือสายการบินสัปดาห์หน้า
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง ความกังวลกรณีการแพร่ระบาดรอบ 2 เชื่อว่า คณะกรรมการกลั่นกรองได้มีการพิจารณารูปแบบมาตรการควบคู่กับการพิจารณาประเด็นด้านสาธารณสุขแล้ว และเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวในประเทศ คาดว่าเงินจะเข้าสู่ระบบและหนุนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 พร้อมยืนยันมีการใช้เงินอย่างคุ้มค่า ขณะที่ มาตรการช่วยเหลือสายการบินผ่านสินเชื่อซอฟท์โลน คาดว่า จะเสนอ ครม. ในสัปดาห์หน้า
ส่วนมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวและเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวและใช้จ่าย เบื้องต้นรูปแบบการลงทะเบียนจะคล้ายกับโครงการชิมช้อปใช้
1.แพ็คเกจ "กำลังใจ" เปิดให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 1,200,000 คน ท่องเที่ยวและศึกษาดูงานต่างจังหวัดฟรีไม่เกิน 2,000 บาท โดยรัฐใช้งบประมาณ 2,400 ล้านบาท คาดว่าจะเกิดรายได้หมุนเวียนอย่างน้อย 6,500 ล้านบาท
2. แพ็คเกจ "เราไปเที่ยวกัน" เปิดให้นักท่องเที่ยว จองโรงแรม/ห้องพักผ่านเว็บไซต์และจ่ายร้อยละ 60 ส่วนรัฐบาลสนับสนุนจ่ายค่าห้องพักให้ร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน และยังได้รับ อี-วอลเชอร์ ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ จำนวน 600 บาทต่อคืน (สูงสุดไม่เกิน 5 คืน) โดยรัฐใช้งบ 18,000 ล้านบาท
3.
กพท.คาดเปิดน่านฟ้าเที่ยวบินระหว่างประเทศ ก.ย.นี้
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท) ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการสายการบินของไทยและต่างประเทศที่ให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ ชี้แจงข้อกำหนดและเงื่อนไขการเดินทางทางอากาศใหม่ตามที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) และ IATA กำหนดไว้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กพท.คาดว่าปีนี้จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศในส่วนของประเทศไทย จะหายไปถึงร้อยละ 70 และเหลือเดินทางร้อยละ 30 เท่านั้น เกือบทั้งหมดเป็นเส้นทางภายในประเทศ คาดว่า การบินในเส้นทางระหว่างประเทศ จะเริ่มกลับมาได้ในช่วงเดือนก.ย.นี้ แต่ไม่เป็นปกติ 100% จะเป็นลักษณะการทยอยเปิดบริการ
ข้อกำหนดและเงื่อนไขการเดินอากาศใหม่ที่ได้ชี้แจงสายการบินและผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย
-ข้อกำหนดในการยกเลิกการเว้นที่นั่งภายในเครื่องบิน
-การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์กรองอากาศและระบบหมุนเวียนอากาศภายในเครื่องบินให้เหมาะสม
-ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เดินทาง
-ห้ามเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเส้นทางที่ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง
-การจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่ม จะต้องมีการปิดผนึกให้เรียบร้อย
-การกันพื้นที่นั่งแยกไว้รองรับคนที่มีอาการเจ็บป่วยออกจากผู้โดยสารปกติ โดยสายการบินจะต้องประเมินความเสี่ยงของเส้นทางที่จะไป หากเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง ถือว่าความเสี่ยงต่ำ จะกันพื้นที่ไว้หรือไม่ก็ได้
ส่วนการเปิดน่านฟ้าให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ต้องอยู่ภายใต้การตัดสินใจของศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19(ศบค.) และ รัฐบาล เบื้องต้นมองว่านักธุรกิจมีความเสี่ยงน้อยกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป เนื่องจากแต่ละบริษัทจะมีมาตรการคัดกรองและดูแลสุขภาพของผู้ที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศอยู่แล้วและสามารถตรวจสอบได้
ดาวโจนส์ พุ่งกว่า 500 จุด หลังข้อมูลค้าปลีกดีเกินคาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวก เช่น
-กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นร้อยละ 17.7 ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.0 หลังจากดิ่งลงร้อยละ 14.7 เมื่อเดือนเม.ย. ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ทดลองใช้ยา dexamethasone ซึ่งเป็นยาสเตียรอยด์ สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลได้ถึง 1 ใน 3
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 526.82 จุด หรือร้อยละ 2.04 ปิดที่ 26,289.98 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 58.15 จุด หรือร้อยละ 1.90 ปิดที่ 3,124.74 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 169.84 จุด หรือร้อยละ 1.75 ปิดที่ 9,895.87 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุน ติดตามกรณีที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่า แม้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับปัจจัยบวก แต่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาของการฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนถือครองทองคำ ทำให้ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,736.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 38.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล