ตร.กวดขันกลุ่มป่วนเมือง-จับอีก 165 ราย ส่งท้ายเคอร์ฟิว
วันนี้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงมาตรการการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางหรือ การรวมกลุ่ม มั่วสุม
ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ปรับแผนการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เป็นจุดตรวจความมั่นคงและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จัดชุดเคลื่อนที่เร็วและฝ่ายสืบสวนออกตรวจพื้นที่และติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคง เช่น เมาแล้วขับ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การหลบหนีเข้าเมือง ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ การกู้ยืมเงินโดยมีอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ เป็นต้น
ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปยอดผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 23.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. จนถึงเวลา 03.00 น. วันที่ 14 มิ.ย.
-เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจค้นบุคคล รวม 18,649 คน
-ยานพาหนะ รวม 14,167 คัน
-จับกุมผู้ฝ่าฝืน รวมทั้งสิ้น 165 ราย แบ่งเป็น ออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควร ขับหรือขี่ยานพาหนะเล่น เดินทางกลับที่พักหลังเวลาเคอร์ฟิว และออกมาทำธุระ 157 ราย รวมตัวมั่วสุมในเคหสถานเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ฐานดื่มสุรา 8 ราย
จังหวัดที่มีสถิติการจับกุมผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีออกนอกเคหสถานสูงสุด คือ กรุงเทพฯ 21 ราย จ.ปทุมธานี 11 ราย และ จ.ราชบุรี 9 ราย ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
สั่งปรับ 6 วัยรุ่น หาดใหญ่ เต้นโชว์กลางสี่แยก
เยาวชนชายอายุ 15 ปี ทั้งหมด 6 คน บ้านอยู่ใน อ.
กลุ่มเยาวชนทั้ง 6 คน รู้สึกสำนึกผิดและขอโทษทุกคน รวมทั้งสังคมที่อาจทำไปด้วยความสนุกสนานตามประสาวัยรุ่น รวมทั้งขออย่าให้ใครทำตาม ตำรวจได้ว่ากล่าวตักเตือนและขออย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ส่วนในทางคดีได้ทำการทำประวัติและเปรียบเทียบปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และ มาตรา 370 รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 ส่วนทางผู้ปกครองก็โดนปรับด้วยเช่นกันตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 และให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) พูดคุยทำความเข้าใจ
รวบ “เฟิร์ส” เเก๊งปาร์ตี้บางบัวทอง ไม่มีวินัยใช้กำไล EM
ตำรวจศาลจังหวัดนนทบุรี ปฏิบัติการติดตามจับกุมตัว น.ส.พิกุลทอง บุญภา หรือ เฟิร์ส แฟนสาวของนายชัยพล พรรณนา (คิว) 1 ใน 6 จำเลยในความผิดฐานเกี่ยวกับซ่องโจร และความผิดเกี่ยวกับการอนาจาร น.ส.เดียร์ พริตตี้สาว เป็นผู้เสียหาย หลังไปร่วมงานก่อนหน้าคดีของน.ส.ลัลลาเบล
ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อนุญาตปล่อยชั่วคราว น.ส.พิกุลทอง พร้อมสั่งติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) หรือ กำไลข้อเท้าเพิ่มเพื่อป้องกันการหลบหนี เนื่องจากมีหลักทรัพย์เป็นเงินสดไม่เพียงพอตามที่ศาลได้กำหนดไว้ เเต่ต่อมาปรากฎพบว่าจำเลยไม่มีวินัยในการใช้อุปกรณ์ โดยจำเลยไม่ค่อยชาร์จแบต ต้องให้คอยโทรเตือนตลอด ศาลจึงยกเลิกสัญญาประกันฐานไม่ปฎิบัติตามคำสั่งศาลตามหลักเกณฑ์การปล่อยชั่วคราวโดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์(EM) และออกหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 264/2563 ลงวันที่ 12 มิ.ย. 2563
จากการตรวจสอบระบบ EM พบว่าเป้าหมายอยู่ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และกำลังเดินทางมุ่งหน้าทิศตะวันตก จึงทำการสะกดรอยและติดตามต่อเนื่องจนจับกุมตัวได้ที่บริเวณตลาดโรงเกลือท่าล้อ ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อแสดงหมายจับ น.ส.พิกุลทอง รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจึงทำการจับกุมตัวและนำส่งศาลจังหวัดนนทบุรีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป น.ส.พิกุลทอง ยื่นขอใช้หลักทรัพย์วงเงิน 180,000 บาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาต
1 ใน 5 ผู้ต้องหาแก๊งญาติ เคยใช้อาวุธข่มขู่ ด.ญ.วัย 12 ปี โทษถึงจำคุกตลอดชีวิต
คดีญาติ 7 คน ข่มขืนเด็กหญิงวัย 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ที่ จ.สุพรรณบุรี นานกว่า 2 ปี จนเด็กเกิดอาการมดลูกอักเสบอย่างรุนแรง พ.ต.อ.มาโนชญ์ จิตรภักดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พี่สาวผู้เสียหายและเป็นผู้ปกครองของเด็กหญิงวัย 12 ปี ได้มาพบพนักงานสอบสวน และแจ้งว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราโดยเครือญาติหลายคน ผลการตรวจร่างกาย พบถูกกระทำล่วงละเมิดทางเพศจริง
ทีมสหวิชาชีพ สอบปากคำ พบว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน อายุ 32 ปี 2 คน อายุ 34 ปี 1 คน อายุ 20 ปี 1 คน อายุ 51 ปี 1 คน ส่วนอีก 2 คน เป็นเด็กชายอายุ 10 ปี และ 12 ปี ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งเป็นเครือญาติและอยู่ในละแวกบ้านเดียวกันทั้งหมด ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และออกหมายจับ ผู้ต้องหา 5 คน ยังปฏิเสธ อ้างว่าเด็กสติไม่ดี ตำรวจไม่ปักใจเชื่อและจากการสอบปากคำเด็กผู้เสียหายพบว่าเด็กไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวอ้างพูดจาและให้การชัดเจน
ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ถูกควบคุมตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว และมี 1 ใน 5 ใช้หลักทรัพย์ 350,000 บาท ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลไป ส่วนอีก 4 คน หาหลักทรัพย์ไม่ทันถูกควบคุมตัวที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนอีก 2 คนที่เป็นเยาวชน ประสานผู้ปกครองของทั้งสองคนนำกลับบ้านแล้ว
สำหรับอัตราโทษค่อนข้างสูง มีโทษจำคุก 7-20 ปี และถ้ามีการข่มขู่บังคับโดยใช้อาวุธข่มขู่มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งผู้ต้องหา 1 ใน 5 มีพฤติกรรมใช้อาวุธข่มขู่ด้วย ตำรวจมีพยานหลักฐานที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้อยู่ระหว่างเร่งสืบหาพยานบุคคล พยานแวดล้อม และพาผู้เสียหายไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนคดีให้รัดกุม