การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐฯเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงนายเรย์ชาร์ด บรูคส์ ชายผิวสีอายุ 27 ปีจนเสียชีวิตที่แอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย เมื่อวันศุกร์ (12 มิ.ย.) แม้ว่าทางสำนักงานตำรวจแอตแลนตา จะลงโทษเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย และผู้บัญชาการตำรวจลาออก แต่ผู้ประท้วงก็ยังไม่พอใจมีการชุมนุมปิดทางด่วน และวางเพลิงร้านเวนดีส์ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงมีเหตุบุกปล้นและทำลายร้านค้าหลายแห่งในละแวกใกล้เคียง
สำหรับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายคือ เจ้าหน้าที่เดวิน บรอนแซน เข้าทำงานเมื่อเดือนกันยายน 2561 และเจ้าหน้าที่การ์เรตต์ โรลฟ์ เข้าทำงานเมื่อเดือนตุลาคม 2556 โดยนายโรลฟ์ซึ่งเป็นผู้ยิงนายบรูคส์ถูกให้ออกจากงานแล้ว ส่วนนายบรอนแซนได้รับคำสั่งให้พักงานอย่างไม่มีกำหนด
ทนายความของครอบครัวนายบรูคส์ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนมีทางเลือกอื่นเพื่อจับกุมนายบรูคส์ จึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนการฝึกทางยุทธวิธีของตำรวจ ทั้งอ้างคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ที่ว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนไม่ได้วัดระดับแอลกอฮอล์ของนายบรูคส์ ซึ่งขัดแย้งกับรายงานของสำนักงานสอบสวนรัฐจอร์เจีย หรือจีบีไอ ที่ว่ามีผู้แจ้งเหตุว่ามีคนนอนหลับอยู่ในรถยนต์คันหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ 2 นายไปตรวจสอบ พบนายบรูคส์หลับอยู่และผลการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์เบื้องต้น พบว่า "ไม่ผ่าน" เจ้าหน้าที่จึงจับกุมแต่นายบรูคส์ขัดขืนและเกิดการต่อสู้กัน
ด้านนายไบรอัน เคมพ์ ผู้ว่าการรัฐจอร์เจียทวีตข้อความปกป้องรายงานการสอบสวนของสำนักงานสอบสวนรัฐจอร์เจีย หรือจีบีไอ ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองแอตแลนตา ยิงนายบรูคส์จนเสียชีวิต ซึ่งมีการลำดับเหตุการณ์ตามภาพจากกล้องวงจรปิด และจากโทรศัพท์มือถือของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ โดยยืนยันว่า จะมีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ทั้งขอสนับสนุนชาวจอร์เจียที่มีการประท้วงอย่างสงบ
...