มินนีแอโพลิสยุบสนง.ตำรวจ ขณะตัวแทนเจ้าหน้าที่เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก พร้อมรับฟังความคิดเห็น

13 มิถุนายน 2563, 16:57น.


          สภาเมืองมินนีแอโพลิสมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบสำนักงานตำรวจของเมือง และให้ตั้งแผนกความปลอดภัยชุมชนขึ้นมาทำหน้าที่แทน ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง ซึ่งในประกาศระบุว่า การฆ่านายจอร์จ ฟลอยด์ โดยตำรวจมินนีแอโพลิสคือโศกนาฏกรรม และการปฏิรูปหน่วยงานไม่สามารถแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อสมาชิกของชุมชนได้



          เมื่อวานนี้ กลุ่มตำรวจมินนีแอโพลิส (MPD) เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกที่ลงนามโดยเจ้าหน้าที่ 14 คนที่ส่งถึงทุกคนโดยเฉพาะชาวเมืองมินนีแอโพลิส โดยมีเนื้อความว่า นายเดเรก ชอวิน ล้มเหลวในฐานะมนุษย์ จากการคร่าชีวิตและศักดิ์ศรีของนายจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราเป็น ในจดหมายระบุด้วยว่า พวกเขาไม่ใช่สหภาพหรือฝ่ายบริหาร แต่พร้อมที่จะรับฟังและยอมรับการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปและสร้างขึ้นมาใหม่



          จดหมายฉบับนี้มีขึ้นในเวลาเดียวกับการที่สหภาพตำรวจทั่วประเทศกำลังร่างแผนการปฏิรูปการทำงาน และมีผลการสำรวจความเห็นที่พบว่า ชาวแอฟริกันอเมริกันมีแนวโน้มที่จะถูกทำร้ายหรือถูกตำรวจฆ่า



          เจ้าหน้าที่ พอล โอม้อดท์ โฆษกกลุ่มระบุว่า มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากที่มีความเต็มใจที่จะลงนามในจดหมายฉบับนี้ แต่กลุ่มได้เลือกเจ้าหน้าที่ที่เป็นตัวแทนของบุคคลในกลุ่มต่าง ๆ เพื่อส่งข้อความถึงทุกคนในประเทศนี้



          ส่วนความคืบหน้าของคดีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ผู้พิพากษาศาลเขตเฮนเนปิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองมินนีแอโพลิส สถานที่เกิดเหตุ กำหนดวงเงินประกันตัวนายชอวินสูงถึง 1 ล้าน 2 แสน 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 39 ล้านบาท) โดยไม่มีเงื่อนไข แต่อาจลดลงเหลือไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 31 ล้านบาท) หากยอมรับและปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่รวมถึงการไม่กลับไปประกอบอาชีพตำรวจอีก ต้องมอบใบอนุญาตถือครองอาวุธส่วนบุคคลให้กับทางการ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของนายฟลอยด์ ซึ่งนายชอวินไม่คัดค้านเงื่อนไขที่ศาลกำหนด แต่การตั้งวงเงินประกันตัวสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเท่ากับเป็นการห้ามประกันตัว ซึ่งคล้ายกับจำเลยอีก 3 คน ที่เป็นอดีตตำรวจรุ่นน้องที่ขึ้นศาลไปก่อนแล้ว และทั้ง 4 คนมีกำหนดขึ้นศาลครั้งต่อไปในวันที่ 29 มิถุนายนนี้



          นายแมทธิว แฟรงก์ ผู้ช่วยอัยการสูงสุดของรัฐมินนิโซตา ในฐานะตัวแทนฝ่ายโจทก์ กล่าวต่อศาลว่าการกระทำของผู้ต้องหาถือเป็นคดีที่มีความผิดร้ายแรงและอัตราโทษสูง ขณะที่มีแรงกดดันจากสังคม หากให้ผู้ต้องหาได้รับอิสรภาพในระหว่างรอขึ้นศาลครั้งต่อไป จึงมีความเสี่ยงที่จะมีการหลบหนีคดี



....

ข่าวทั้งหมด

X