ผู้ประท้วงในสหราชอาณาจักร รื้อถอนรูปปั้นพ่อค้าทาสในยุคล่าอาณานิคม

          การชุมนุมประท้วงในหลายประเทศทั่วโลก จากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสีวัย 46 ปี ที่ถูกจับกุมในเมืองมินนีแอโพลิส สหรัฐฯเมื่อวันที่ 25 พ.ค. การประท้วงที่สหราชอาณาจักร ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แล้วในเมืองบริสตอล,แมนเชสเตอร์,วูฟแฮมพ์ตัน,น็อตติงแฮม,กลาสโกว์และกรุงเอดินเบอระ สก็อตแลนด์ โดยกลุ่มผู้ประท้วงตะโกนถ้อยคำว่า ไม่มีความยุติธรรม,ไม่มีความสงบสุข  โดยเฉพาะที่เมืองบริสตอล ประชาชนได้ช่วยกันรื้อถอนรูปปั้นของนายเอ็ดเวิร์ด โคลสตัน อดีตพ่อค้าทาสในศตวรรษที่ 17 หรือยุคล่าอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ก่อนทิ้งลงไปแม่น้ำใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่ง

          ประชาชนในเมืองบริสตอล ถกเถียงกันมาหลายปีแล้วว่า การอนุรักษ์รูปปั้นดังกล่าวต่อไปมีความเหมาะสมกับยุคปัจจุบันหรือไม่ แต่ภาพรวมการประท้วงในสหราชอาณาจักร ตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ดำเนินไปอย่างสงบ แม้ว่าจะมีการปะทะกับตำรวจในบางจุด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้เวลา 20.00 น. ตำรวจในพื้นที่ตอนกลางของกรุงลอนดอน ออกคำสั่งให้ผู้ประท้วงสลายการชุมนุมในเขตเวสต์มินสเตอร์ ผู้ประท้วงได้ขว้างก้อนหินและขวดน้ำใส่ตำรวจ มีตำรวจ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และมีการปะทะกันเป็นระยะๆ ตำรวจจับกุมผู้ประท้วง 12 คน

          ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นว่าผู้ประท้วงหลายพันคนชุมนุมตามท้องถนน โดยเฉพาะบริเวณด้านนอกของสถานทูตสหรัฐฯในย่านวอกซ์ฮอลล์ ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน เพื่อร่วมรำลึกการเสียชีวิตของนายฟลอยด์และเรียกร้องให้มีการยุติปัญหาการเหยียดผิวในสหรัฐฯและทั่วโลก ต่อมากลุ่มผู้ประท้วงได้เดินขบวนจากหน้าสถานทูตสหรัฐฯมุ่งหน้าไปที่จัตุรัสรัฐสภาแห่งกรุงลอนดอนและถนนดาวนิ่ง บ้านพักประจำตำแหน่งนายกฯ แต่ไม่มีเหตุรุนแรงมากกว่านั้น 

 Cr:BBC, ABC News