ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563

08 มิถุนายน 2563, 06:19น.


“ทรัมป์” ยังไม่สั่งปลด รมว.กระทรวงกลาโหม จากความขัดแย้งเหตุจลาจล



          น.ส.เคห์ลีย์ แมคอีแนนีย์ โฆษกหญิงทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังมีความเชื่อมั่น นายมาร์ค เอสเปอร์ รมว.กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เนื่องจาก นายเอสเปอร์ เป็นคนสำคัญในการควบคุมสถานการณ์การประท้วงในสหรัฐฯ ท่าทีดังกล่าวของทำเนียบขาวเกิดขึ้นท่ามกลางการจับตาของหลายฝ่ายในสหรัฐฯ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายทรัมป์กับเพนตากอน



          ขณะที่ สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสและเดอะวอชิงตัน โพสต์ เป็นสื่อใหญ่กลุ่มแรกของสหรัฐฯที่รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในเพนตากอนว่าย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันที่สถานการณ์ประท้วงรอบทำเนียบขาวและตามพื้นที่หลายแห่งในกรุงวอชิงตันมีความรุนแรงที่สุด นายทรัมป์ ต้องการให้เพนตากอน ส่งทหารเป็นจำนวนสูงสุด 10,000 นาย ลงพื้นที่ในกรุงวอชิงตันและตามเมืองใหญ่หลายแห่งเพื่อยุติสถานการณ์ แต่นายเอสเปอร์ และพล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ และนายวิลเลียม บาร์ รมว.กระทรวงยุติธรรม พยายามอธิบายว่า เป็นไปไม่ได้



คาดตำรวจ 2 นาย ที่ผลักชายวัย 75 ปี ช่วงจลาจลที่นิวยอร์กอาจติดคุก 7 ปี  



          เหตุการณ์ตำรวจ 2 นาย นายแอรอน ทอร์กัลสกี อายุ 39 ปี และนายโรเบิร์ต แมคคาบี อายุ 32 ปี สังกัดหน่วยจู่โจมทางยุทธวิธีเกี่ยวกับเหตุวุ่นวายและจลาจลของสำนักงานตำรวจบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ไปผลัก นายมาร์ติน จูจิโน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง วัย 75 ปี ซึ่งเผชิญหน้ากับผู้ต้องหาทั้งสองคน ที่หน้าศาลาว่าการเมืองบัฟฟาโล จนล้มศีรษะกระแทกพื้น ปัจจุบันกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเขตอีรี ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก



          สำนักงานอัยการเขตอีรีของรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย ขึ้นศาลเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้รับบาดเจ็บของนายมาร์ติน แต่ทั้งสองนายให้การปฏิเสธ ขณะที่ ศาลไม่ได้มีคำสั่งให้คุมขังเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายที่ถูกพักงานอย่างไม่มีกำหนดแต่กำหนดวันพิจารณาคดีครั้งต่อไปคือ 20 ก.ค. หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริงจำเลยอาจต้องรับโทษจำคุกนานถึง 7 ปี 



เยอรมนี ยอมรับ ถูกสหรัฐฯกดดัน หลังจากสหรัฐฯเตรียมถอนทหารเกือบ 10,000 นาย



         ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับเยอรมนี หลังจากที่เดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวในทำเนียบขาวและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯว่าเพนตากอนเตรียมลดจำนวนทหารในเยอรมนีจากปัจจุบัน 34,500 นาย เหลือ 25,000 นาย ภายในเดือนก.ย. ตามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ เจ้าหน้าที่ 9,500 นาย ที่ต้องออกจากเยอรมนี อาจย้ายไปประจำการในประเทศอื่น มีแนวโน้มสูงว่าหนึ่งในนั้นคือโปแลนด์ และบางส่วนให้เดินทางกลับสหรัฐฯ



         นายไฮโก มาสส์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี กล่าวว่า รัฐบาลเยอรมนีรับทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ความร่วมมือทางทหารในระดับทวิภาคีกับสหรัฐฯ มีพัฒนาการเชิงบวกอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษเพื่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศในระดับเท่าเทียมกัน



         นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ รับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนม.ค. 2560 เยอรมนีเผชิญแรงกดดันอย่างหนักให้เพิ่มการสนับสนุนด้านงบประมาณให้กับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) และนายทรัมป์ ยังวิจารณ์นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล หลายครั้งว่าพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซียมากเกินไป



พุธนี้ มาเลย์ เริ่มผ่อนคลายภาคธุรกิจ แต่ยังปิดพรมแดน



          สถานการณ์โรคโควิด-19 นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน ของมาเลเซีย เปิดเผยว่า หลังจากที่ปิดเมืองควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. ล่าสุด มาเลเซีย จะเริ่มฟื้นฟูประเทศและเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดทางสังคม การศึกษาและศาสนาเป็นระยะ ๆ และจะผ่อนคลายข้อจำกัดเกือบทั้งหมดในภาคธุรกิจในวันพุธนี้ แต่ยังปิดพรมแดนติดต่อกับประเทศอื่นต่อไป



          ไต้หวัน สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มาเป็นเวลา 56 วันแล้ว จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่มเติม ศูนย์ควบคุมโรคระบาดกลางของไต้หวันประกาศว่า จะยกเลิกข้อจำกัดจำนวนคนที่เข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการหรือการใช้ชีวิตตามปกติของประชาชน แต่ประชาชนยังคงจะต้องสวมหน้ากากอนามัยหากไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้ รัฐบาลไต้หวัน อนุญาตให้แฟนกีฬาเข้าชมการแข่งขันได้แต่จำกัดจำนวน จากเดิมที่แข่งขันโดยไม่มีผู้ชม เปิดให้บริการการจำหน่ายอาหารบนรถไฟ แต่ไต้หวัน ยังคงมีข้อจำกัดเรื่องการเดินทาง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการระบาดระลอกสองจากคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่ยังมีการระบาดอย่างรุนแรง เช่น สหรัฐฯ และอังกฤษ



คาดแก๊งค้ายาเสพติดในเม็กซิโก กราดยิง 10 ศพ ในศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาฯ



          คนร้าย 3 คนพร้อมอาวุธครบมือ บุกกราดยิงในศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติด ในเมืองอีราปัวโต รัฐกวานาคัวโต ทางภาคกลางของเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะหลบหนีไป รัฐกวานาคัวโตเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสำคัญของเม็กซิโก มีโรงงานผลิตรถยนต์ อากาศยาน และอุตสาหกรรมหนักอื่นๆ ของต่างชาติหลายบริษัท นอกจากนั้นยังมีโรงงานพลังงานขนาดใหญ่ แก๊งค้ายาเสพติด 2 แก๊ง แผ่อิทธิพลเข้าไปในพื้นที่ขายยาเสพติด เรียกค่าคุ้มครอง และลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ทำให้เกิดการขัดผลประโยชน์ เกิดการทำร้ายร่างกายกันบ่อยครั้ง



          ศูนย์บำบัดยาเสพติดในเม็กซิโก ตกเป็นเป้าหมายโจมตีของแก๊งอาชญากรรมหลายครั้ง เมื่อเดือน ก.ย. 2560 สมาชิกแก๊งค้ายาเสพติดบุกโจมตีศูนย์บำบัดยาเสพติด ในรัฐชิฮัวฮัว ทางภาคเหนือ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก



ฉลามขาว ขย้ำนักเซิร์ฟวัย 60 ปี ชาวออสซี่เสียชีวิต



         ชายวัย 60 ปีจากรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย กำลังเล่นกระดานโต้คลื่น ที่หาดซอลท์ เมืองคิงส์คลิฟฟ์ ห่างจากเมืองซิดนีย์ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 800 กม. ถูกฉลามขาวทำร้ายกัดขย้ำที่ขาข้างซ้าย ตำรวจและประชาชนหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ รีบวิ่งลงน้ำไปช่วยไล่ฉลามหนีไปและนำตัวขึ้นฝั่ง ปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ชายคนดังกล่าวเสียชีวิตก่อน ชายคนนี้เป็นรายที่ 3 ที่ถูกฉลามทำร้าย ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศติดทะเลที่เกิดเหตุการณ์ฉลามทำร้ายประชาชนบ่อยครั้งที่สุดในโลก แต่สถิติการเสียชีวิตมีน้อยมาก ตลอดปี พ.ศ. 2562 เกิดเหตุฉลามทำร้ายประชาชนในทะเลชายฝั่งรอบออสเตรเลียรวม 27 ครั้ง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต



 

ข่าวทั้งหมด

X