นายมัทเทอัส คอร์แมน รัฐมนตรีคลังออสเตรเลีย วิจารณ์กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ว่าเป็นกลุ่มคนที่ประมาทและเอาแต่ใจ ท้าทายกฎระเบียบด้านสาธารณสุข โดยการประท้วงในออสเตรเลียมีจุดเริ่มต้นจากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันผิวสี ซึ่งนำไปสู่การประท้วงเกิดขึ้นในหลายเมืองของสหรัฐฯ และกลุ่มรณรงค์ในหลายประเทศได้จัดการประท้วงต่อการเหยียดเชื้อชาติในประเทศของตน
โดยในออสเตรเลีย เป็นการเรียกร้องต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการกระทำรุนแรงต่อชนพื้นเมืองที่ผู้ประท้วงระบุว่ามีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ซึ่งเมื่อวันเสาร์ (6 มิ.ย.) มีผู้เข้าร่วมการประท้วงประมาณ 20,000 คนในหลายเมืองรวมถึงที่นครซิดนีย์ ซึ่งนายคอร์แมนแสดงความเห็นว่าผู้ประท้วงกำลังทำให้มีความเสี่ยงต่อการระบาดครั้งที่ 2 ของโควิด-19 ซึ่งออสเตรเลียมีผู้ป่วยสะสม 7,255 คนและเสียชีวิต 102 ราย โดยมีการใช้มาตรการควบคุมโรคที่มีความเข้มงวด รวมถึงการปิดพรมแดนตั้งแต่เดือนมีนาคม
นายคอร์แมน กล่าวว่า โรคโควิด-19 ทำให้ชาวออสเตรเลียหลายคนตกงาน ผู้คนไม่สามารถเข้าร่วมงานศพของคนที่รักได้เพื่อที่จะหยุดเชื้อไวรัส แต่เวลานี้กำลังมีการรวมตัวกันของคนหลายหมื่นคน ซึ่งมีความประมาทและไม่มีรับผิดชอบ
ด้านนายริชาร์ด มาร์เลส รองหัวหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน กล่าวยอมรับว่า แม้การประท้วงจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่การเป็นชนพื้นเมืองในประเทศนี้ชีวิตจะเลวร้ายยิ่งกว่า ทั้งในแง่ของการเสียชีวิตของเด็ก การศึกษา การจ้างงานและการถูกกักขัง และเขาไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดกับชนพื้นเมืองออสเตรเลียที่กำลังชุมนุมเรียกร้องการเหยียดเชื้อชาติว่าเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว
...