ในการประชุมสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช.ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยมีวาระการพิจารณา รายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องสรุปความเห็นหรือข้อเสนอแนะในการยกร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภา 18 คณะต่อสภาสปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
โดยคณะกรรมาธิการปฎิรูปคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีนางสาว สารี อ๋องสมหวัง เป็นประธานคณะกรรมาธิการได้อภิปรายเป็นคณะแรก และ อภิปรายว่า คณะกรรมาธิการได้เสนอแนวทางการปฎิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค โดยให้มีองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคอย่างอิสระ จากภาคประชาชน และต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติในการคุ้มครองผู้บริโภค และรัฐต้องให้การสนับสนุนองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งรัฐต้องควบคุมสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริโภคในการทำธุรกรรม โดยหากจะเปิดเผยข้อมูลต้องได้รับความยินยอมจากผู้บริโภคก่อน หลังจากพบปัญหาว่า ผู้บริโภคมักถูกนำเสนอขายของผ่านทางโทรศัพท์ ทั้งที่ผู้บริโภคไม่ได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูล และเสนอให้มีประมวลกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคและเสนอให้ตั้งศาลชำนัญพิเศษ เป็นศาลคดีคุ้มครองผู้บริโภคในศาลยุติธรรม เพื่อให้ความคุ้มครองผู้บริโภคด้วย
โดยสมาชิก ส่วนใหญ่มองว่ารัฐควรให้การสนับสนุนและคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น และมองว่าในอดีตบริษัทเอกชนมักหาช่องทางเอาเปรียบผํ้บริโภค โดยเห็นด้วยหากจะมีการจัดตั้งองค์กรอิสระในการคุ้มครองผู้บริโภคโดยภารประชาชน เพราะในอดีตประชาชนไม่เคยมีสิทธิในการคุ้มครองตัวเอง และมักไม่มีความรู้ในการป้องกันการเอาเปรียบจากผู้บริโภค
ขณะที่คณะกรรมาธิการปฎิรูปการกีฬาที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นประธานคณะกรรมาธิการ และเปิดเผยผลการศึกษา พบว่า ประชาชนยังขาดบริการทางกีฬา โดยยังไม่มีอุปกรณ์ที่เพียงพอ พร้อมทั้งปัญหาการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนที่ไม่เอื้อต่อการกีฬา สังเกตุเห็นว่ายังขาดอุปกรณ์และสถานที่ รวมทั้งรัฐบาลยังขาดความชัดเจนและต่อเนื่องทางด้านนโยบาย โดยไม่มีมาตรการสนับสนุนประชาชน คณะกรรมาธิการจึงมองว่ารัฐต้องเข้าให้การสนับสนุนและจัดสรรมาตรการที่ครอบคลุม โดยประชาชนต้องมีอุปกรณ์และสถานที่ที่เพียงพอในการกีฬาอย่างเท่าเทียมกัน และรัฐต้องกำหนดให้การกีฬาเป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ โดยต้องบัญญัติการส่งเสริมการกีฬาไว้ในรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าหากรัฐให้การสนับสนุนและมีมาตรการต่อเนื่องแล้ว จะช่วยให้การกีฬามีมาตรฐานและจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้วย
ซึ่งสมาชิก ได้อภิปรายว่า ควรมีการส่งเสริมการกีฬามากขึ้น โดยเฉพาะใน3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬา และสนับสนุนเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมองว่า เยาวชนส่วนใหญ่มีความสามารถ แต่กลับไม่ได้รับการส่งเสริมที่ดีจากรัฐ และควรบัญญัติการกีฬาไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย
โดยการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภาในวันนี้ จะมีการพิจารณาทั้งสิ้น 7 คณะ โดยประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญสามารถอภิปรายได้ไม่เกินคนละ 30 นาที จากนั้นสมาชิกสปช.จึงอภิปรายโดยสมาชิกสปช.จะอภิปรายรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ไม่เกินคนละ 2 คณะ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจึงแสดงความเห็นและแนวทางข้อเสนอต่อไป
....