ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2563

ผลตรวจขวดยาบ้าน'น.ส.ปุ๊ก' พบสารเคมีเข้มข้นอันตราย

           การตรวจสอบขวดยาและภาชนะบรรจุสารเคมีบางอย่างรวม 15 ขวด ภายในบ้านพักของ น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ น.ส.ปุ๊ก อายุ 29 ปี และส่งตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เบื้องต้นผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสารเคมีพบว่า 14 ขวด เป็นยารักษาอาการป่วยทั่วไป ส่วนอีก 1 ขวด เป็นสารเคมีออกฤทธิ์เป็นเบส ระดับความเข้มข้นอยู่ที่ 0.68 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ นับเป็นปริมาณที่ค่อนข้างสูงและอันตรายต่อร่างกายหากรับประทานเข้าไป จะทำให้อวัยวะภายในถูกทำลายจากการกัดกร่อนของสารเคมีชนิดนี้

          รายงานระบุว่า ผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือแฝงบนขวดยาทั้ง 15 ขวด ไม่พบลายนิ้วของ น.ส.นิษฐา หรือบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว พนักงานสอบสวนจะหาข้อมูลอื่นๆมาประกอบสำนวนคดีเพื่อเป็นหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าทำให้ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ และ ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ ลูกบุญธรรม เจ็บป่วยรุนแรงด้วยอาการผิดปกติ เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารหลอกรับเงินบริจาค จน ด.ญ.อมยิ้มเสียชีวิต ส่วน ด.ช.อิ่มบุญป่วยหนัก โดยผลการตรวจของแพทย์พบอวัยวะภายในได้รับความเสียหายจากสารเคมีบางชนิด ล่าสุดอาการดีขึ้นอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

          พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. เปิดเผยถึง การประสานกรมราชทัณฑ์เพื่อขอตรวจสุขภาพจิตน.ส.ปุ๊ก ว่าพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือขอไปแล้ว โดยจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญของกรมราชทัณฑ์ดำเนินการตรวจได้เลย ไม่ต้องให้พนักงานสอบสวนเข้าร่วมสังเกตการณ์ หากตรวจเสร็จแล้วให้รายงานผลกลับมาที่พนักงานสอบสวน ประกอบสำนวนคดี

แฟ้มภาพ 

กรมการปกครอง บุกยึดตู้สล็อต 42 ตู้ พร้อมผู้ต้องหา 14 คน ทั่วเมืองอุบลฯ

          ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายโกดังสล็อตในพื้นที่เมืองอุบลราชธานี หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการเปิดให้เล่นตามตลาด ร้านขายของชำ ร้านอาหาร แม้กระทั่งหน้าโรงเรียน เบื้องต้นสายสืบแกะรอยตามคนเก็บเงินตู้สล็อต ไปถึงโกดังเก็บของ บริเวณถนนเลี่ยงเมืองอุบลราชธานี พบของกลางตู้สล็อต 34 ตู้ แผงวงจรตู้สล็อต จอภาพ และอะไหล่เต็มโกดัง รวมถึงพบเหรียญ 10 บาท 220,000 บาท และสมุดบัญชีที่มีรายชื่อพนักงานคุมตู้สล็อต 700 แห่ง ในพื้นที่อุบลราชธานี จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน และคุมตัวคนดูแลโกดัง 8 คน ไปสอบปากคำ

          จากนั้น เจ้าหน้าที่ขยายผลไปตรวจยึดตู้สล็อตที่อยู่ในตลาดสด ที่เจ้าของร้านให้ข้อมูลว่า มีคนมาติดต่อขอวางตู้สล็อตในร้าน โดยบอกว่าขอแค่เสียบปลั๊กไฟให้คนมาเล่นจะได้ส่วนแบ่งร้อยละ 20 ของเงินในตู้ ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถยึดตู้พนันได้ 42 ตู้ เงินของกลาง รวม 250,000 บาท และจับผู้ต้องหาได้ 14 คน ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา เป็นผู้จัดให้เล่นพนันโดยผิดกฎหมาย

พณ.จับคนทำผิด ขายหน้ากากแพง ช่วงโควิด-19 31 ม.ค.-2 มิ.ย. กว่า 400 ราย

          นายสุพพัต  อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 กรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือแอลกอฮอล์ และแอลกอฮอล์ เพิ่มอีก 4 ราย ที่ กรุงเทพฯ 3 ราย และ ต่างจังหวัด 1 ราย  

-รายแรกจับได้ในกรุงเทพฯ 1 ราย เป็นผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อและจับกุม พบว่าจำหน่ายหน้ากากอนามัยนำเข้าจากเวียดนาม จำนวน 250 ชิ้น บรรจุกล่องละ 50 ชิ้น จำหน่ายในราคากล่องละ 880 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 17.60 บาท) และสามารถตรวจยึดของกลางเพิ่มอีก 120 ชิ้น แจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

-อีก 2 รายจับได้ในกรุงเทพฯเช่นกัน กระทำความผิดข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย แบ่งเป็น ร้านขายยา 1 ราย พบจำหน่าย  เจลแอลกอฮอล์ ขนาด 50 มล. ขนาด 200 มล.และสเปรย์แอลกอฮอล์ 75% ขนาด 30 มล. และเป็นแผงจำหน่ายหน้ากากอนามัย 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากกันฝุ่น และหน้ากากผ้า โดยทั้งสองรายถูกแจ้งข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 28  ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

-ส่วนในต่างจังหวัด 1 ราย ที่จังหวัดตาก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 เกี่ยวกับการจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินสมควร พบผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก จำหน่ายหน้ากากอนามัยบรรจุกล่องๆละ 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 390 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 7.80 บาท) แจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุม และแพงเกินสมควร ตามมาตรา 25  ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิด กรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. – 2 มิ.ย.มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 431 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 195 ราย และต่างจังหวัด 236 ราย